คปภ.เร่งยกระดับคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กรุงเทพฯ  4 ก.ย. – คปภ.ระดมสมองหน่วยงานรัฐ-ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย จัดทำแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย  


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ คปภ.และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งมีโครงการศึกษาการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข้อมูลการประกันภัย ตลอดจนส่งเสริมและผลักดันการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยในอุตสาหกรรมการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ซึ่งต้องกำกับดูแลให้ภาคธุรกิจประกันภัยปฏิบัติให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งตราขึ้นเพื่อป้องกันการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันคำนึงถึงความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อรวบรวมประเด็นปัญหาและอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจจากการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาประเด็นปัญหาและอุปสรรคจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัย และพิจารณากรอบแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันภัย โดยมี 10 ประเด็นปัญหาสำคัญที่ได้มีการหารือในครั้งนี้ คือ ประเด็นแรก เกี่ยวกับกรณีบริษัทประกันภัยจะต้องขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้เอาประกันภัย และบุคคลในครอบครัว หรือไม่ หากเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยหรือปฏิบัติตามสัญญาโดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน  ประเด็น 2  เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้สำเนาบัตรประชาชน ซึ่งมีข้อมูลที่มีความอ่อนไหว กรณีดังกล่าวจะต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ และถือว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลนอกเหนือวัตถุประสงค์และเกินความจำเป็นในการรวบรวมตามกฎหมายหรือไม่ เช่น กรณีผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และได้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทประกันภัยด้วย

ประเด็นที่ 3 การให้บริการหลังการขายของตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้บริการหลังการขาย ต้องมีการขอความยินยอมจากลูกค้า เพื่อให้บริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลกับนายหน้าประกันภัยหรือไม่ ประเด็นที่ 4 การเก็บข้อมูลจากบุคคลอื่นที่มิใช่เจ้าของข้อมูล เช่น กรณีบริษัทประกันภัยได้รายชื่อลูกค้าจากนิติบุคคลอื่นมาเพื่อเสนอขายประกันภัยทางโทรศัพท์ ประเด็นที่ 5 การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยที่บริษัทประกันภัยได้ปฏิเสธการรับประกันภัยหรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัย หรือเป็นข้อมูลของบุคคลที่เห็นว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือฉ้อฉลประกันภัย

ประเด็นที่ 6 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทที่ชัดเจน ประเด็นที่ 7 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการรับประกันภัยไว้เพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยครั้งต่อไปทำได้หรือไม่ ประเด็นที่ 8 การลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กรณีลูกค้าขอให้ลบข้อมูลสุขภาพ หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลสุขภาพได้อีกแล้วมาขอสมัครใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับพิจารณาประกันภัยใหม่เนื่องจากบริษัทจะไม่สามารถตรวจสอบประวัติสุขภาพเดิมได้ และลูกค้าอาจปกปิดประวัติสุขภาพที่แถลงต่อบริษัทจึงทำให้บริษัทเกิดความเสี่ยงได้


ประเด็นที่ 9 ปัญหาขอบเขตของบริษัทรับประกันภัยต่อ เช่น กรณีที่บริษัทประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัยให้แก่บริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อการทำสัญญาประกันภัยต่อ กรณีดังกล่าวบริษัทประกันภัยส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมหรือไม่ และประเด็นที่ 10 ปัญหาการตีความหน้าที่ความรับผิดชอบของนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล

เลขาฯ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติชัดเจนตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ จึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมอบหมายให้บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด พิจารณาประเด็นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงเอกสารดังกล่าวข้างต้นที่ภาคธุรกิจประกันภัยเสนอต่อสำนักงาน คปภ. และศึกษาและวิเคราะห์กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติของ DGPR และต่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Flow)

โดยเชิญผู้แทนภาคธุรกิจประกันภัยมาให้ข้อมูล รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และช่องว่างในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (Gap Analysis) การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลเพื่อดำเนินการจัดทำระบบฐานข้อมูลประกันภัย (Insurance Bureau System) หรือเพื่อป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย รวมถึงการพัฒนาเอกสารที่รองรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้นำร่างหนังสือ Privacy Notice การเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละกิจกรรมของภาคธุรกิจประกันภัย และใบคำขอเอาประกันภัย ฉบับมาตรฐานประเภทต่างๆ ที่ภาคธุรกิจประกันภัยได้ให้ข้อมูลมาใช้เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีทิศทางในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนจัดทำมาตรฐานขั้นต่ำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติ โดยมีโครงสร้างที่มีหัวข้อเกี่ยวกับประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประกันภัยเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูล รวมถึงแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานแก่ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เช่น การกำหนดแบบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงใบคำขอเอาประกันภัย เป็นต้น โดยโครงการนี้มีความคืบหน้าและจะแล้วเสร็จภายในกำหนดคือวันที่ 10 กันยายนนี้

“การสัมมนาครั้งนี้เป็นการระดมสมองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันถอดรหัสและคลี่ประเด็นปัญหา โดยยังมีหลายประเด็นที่ต้องร่วมมือกันกำหนดทิศทางและวางกรอบในทางปฏิบัติ รวมทั้งหารือขอความชัดเจนกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ” เลขาฯ คปภ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]

ยกอำนาจให้ทหารตัดสินใจ เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.- “อนุทิน” ยกอำนาจให้ “ทหาร” ตัดสินใจ ‘เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน’ ลั่น ขอหนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ ส่วนรัฐบาลขอเดินหน้าการทูต ยันไม่มีใครล็อบบี้ได้ ส่วนการเจรจาจะทำหลังยุติเหตุก่อกวน จ่อคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้ว ว่าเมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้มีความชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน “ ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้”นายอนถทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย […]

แก๊งค้ายาขนไอซ์ 450 กก. ซิ่งรถชนเกาะกลางถนน จ.อุดรธานี

อุดรธานี 21 ก.ย.-แก๊งยาเสพติดซิ่งรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงกับอึ้ง พบไอซ์ 450 กก. ซุกอยู่ในกระสอบหลังรถ ส่วนคนในรถอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา 22.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนวงเวียนบ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และไม่พบตัวคนขับอยู่ในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถึงกับอึ้ง เพราะพบกระสอบ 9 ใบ อัดแน่นอยู่ด้านหลัง ตรวจสอบภายในกระสอบ มีห่อพลาสติกใสและถุงสีฟ้าลายเสือดาวรวม 448 ห่อ น้ำหนักกว่า 448 กิโลกรัม ภายในห่อมีผลึกขาวใส ลักษณะผลึกคล้าย ไอซ์ นอกจากนี้ ยังพบบัตรประชาชน นายสุทธิโชค อายุ 17 ปี ชาว อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ตรวจสอบพบ มีประวัติคดียาเสพติด 3 คดี ส่วนทะเบียนรถ […]