คปภ.เร่งยกระดับคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กรุงเทพฯ  4 ก.ย. – คปภ.ระดมสมองหน่วยงานรัฐ-ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย จัดทำแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย  


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ คปภ.และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งมีโครงการศึกษาการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข้อมูลการประกันภัย ตลอดจนส่งเสริมและผลักดันการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยในอุตสาหกรรมการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ซึ่งต้องกำกับดูแลให้ภาคธุรกิจประกันภัยปฏิบัติให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งตราขึ้นเพื่อป้องกันการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันคำนึงถึงความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อรวบรวมประเด็นปัญหาและอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจจากการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาประเด็นปัญหาและอุปสรรคจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัย และพิจารณากรอบแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันภัย โดยมี 10 ประเด็นปัญหาสำคัญที่ได้มีการหารือในครั้งนี้ คือ ประเด็นแรก เกี่ยวกับกรณีบริษัทประกันภัยจะต้องขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้เอาประกันภัย และบุคคลในครอบครัว หรือไม่ หากเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยหรือปฏิบัติตามสัญญาโดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน  ประเด็น 2  เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้สำเนาบัตรประชาชน ซึ่งมีข้อมูลที่มีความอ่อนไหว กรณีดังกล่าวจะต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ และถือว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลนอกเหนือวัตถุประสงค์และเกินความจำเป็นในการรวบรวมตามกฎหมายหรือไม่ เช่น กรณีผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และได้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทประกันภัยด้วย

ประเด็นที่ 3 การให้บริการหลังการขายของตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้บริการหลังการขาย ต้องมีการขอความยินยอมจากลูกค้า เพื่อให้บริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลกับนายหน้าประกันภัยหรือไม่ ประเด็นที่ 4 การเก็บข้อมูลจากบุคคลอื่นที่มิใช่เจ้าของข้อมูล เช่น กรณีบริษัทประกันภัยได้รายชื่อลูกค้าจากนิติบุคคลอื่นมาเพื่อเสนอขายประกันภัยทางโทรศัพท์ ประเด็นที่ 5 การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยที่บริษัทประกันภัยได้ปฏิเสธการรับประกันภัยหรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัย หรือเป็นข้อมูลของบุคคลที่เห็นว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือฉ้อฉลประกันภัย

ประเด็นที่ 6 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทที่ชัดเจน ประเด็นที่ 7 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการรับประกันภัยไว้เพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยครั้งต่อไปทำได้หรือไม่ ประเด็นที่ 8 การลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กรณีลูกค้าขอให้ลบข้อมูลสุขภาพ หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลสุขภาพได้อีกแล้วมาขอสมัครใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับพิจารณาประกันภัยใหม่เนื่องจากบริษัทจะไม่สามารถตรวจสอบประวัติสุขภาพเดิมได้ และลูกค้าอาจปกปิดประวัติสุขภาพที่แถลงต่อบริษัทจึงทำให้บริษัทเกิดความเสี่ยงได้


ประเด็นที่ 9 ปัญหาขอบเขตของบริษัทรับประกันภัยต่อ เช่น กรณีที่บริษัทประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัยให้แก่บริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อการทำสัญญาประกันภัยต่อ กรณีดังกล่าวบริษัทประกันภัยส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมหรือไม่ และประเด็นที่ 10 ปัญหาการตีความหน้าที่ความรับผิดชอบของนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล

เลขาฯ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติชัดเจนตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ จึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมอบหมายให้บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด พิจารณาประเด็นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงเอกสารดังกล่าวข้างต้นที่ภาคธุรกิจประกันภัยเสนอต่อสำนักงาน คปภ. และศึกษาและวิเคราะห์กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติของ DGPR และต่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Flow)

โดยเชิญผู้แทนภาคธุรกิจประกันภัยมาให้ข้อมูล รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และช่องว่างในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (Gap Analysis) การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลเพื่อดำเนินการจัดทำระบบฐานข้อมูลประกันภัย (Insurance Bureau System) หรือเพื่อป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย รวมถึงการพัฒนาเอกสารที่รองรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้นำร่างหนังสือ Privacy Notice การเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละกิจกรรมของภาคธุรกิจประกันภัย และใบคำขอเอาประกันภัย ฉบับมาตรฐานประเภทต่างๆ ที่ภาคธุรกิจประกันภัยได้ให้ข้อมูลมาใช้เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีทิศทางในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนจัดทำมาตรฐานขั้นต่ำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติ โดยมีโครงสร้างที่มีหัวข้อเกี่ยวกับประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประกันภัยเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูล รวมถึงแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานแก่ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เช่น การกำหนดแบบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงใบคำขอเอาประกันภัย เป็นต้น โดยโครงการนี้มีความคืบหน้าและจะแล้วเสร็จภายในกำหนดคือวันที่ 10 กันยายนนี้

“การสัมมนาครั้งนี้เป็นการระดมสมองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันถอดรหัสและคลี่ประเด็นปัญหา โดยยังมีหลายประเด็นที่ต้องร่วมมือกันกำหนดทิศทางและวางกรอบในทางปฏิบัติ รวมทั้งหารือขอความชัดเจนกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ” เลขาฯ คปภ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]