คปภ.เร่งยกระดับคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กรุงเทพฯ  4 ก.ย. – คปภ.ระดมสมองหน่วยงานรัฐ-ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย จัดทำแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย  


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ คปภ.และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งมีโครงการศึกษาการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข้อมูลการประกันภัย ตลอดจนส่งเสริมและผลักดันการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยในอุตสาหกรรมการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ซึ่งต้องกำกับดูแลให้ภาคธุรกิจประกันภัยปฏิบัติให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งตราขึ้นเพื่อป้องกันการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันคำนึงถึงความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ และภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อรวบรวมประเด็นปัญหาและอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจจากการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาประเด็นปัญหาและอุปสรรคจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัย และพิจารณากรอบแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจประกันภัย โดยมี 10 ประเด็นปัญหาสำคัญที่ได้มีการหารือในครั้งนี้ คือ ประเด็นแรก เกี่ยวกับกรณีบริษัทประกันภัยจะต้องขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้เอาประกันภัย และบุคคลในครอบครัว หรือไม่ หากเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยหรือปฏิบัติตามสัญญาโดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน  ประเด็น 2  เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้สำเนาบัตรประชาชน ซึ่งมีข้อมูลที่มีความอ่อนไหว กรณีดังกล่าวจะต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ และถือว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลนอกเหนือวัตถุประสงค์และเกินความจำเป็นในการรวบรวมตามกฎหมายหรือไม่ เช่น กรณีผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และได้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทประกันภัยด้วย

ประเด็นที่ 3 การให้บริการหลังการขายของตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้บริการหลังการขาย ต้องมีการขอความยินยอมจากลูกค้า เพื่อให้บริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลกับนายหน้าประกันภัยหรือไม่ ประเด็นที่ 4 การเก็บข้อมูลจากบุคคลอื่นที่มิใช่เจ้าของข้อมูล เช่น กรณีบริษัทประกันภัยได้รายชื่อลูกค้าจากนิติบุคคลอื่นมาเพื่อเสนอขายประกันภัยทางโทรศัพท์ ประเด็นที่ 5 การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยที่บริษัทประกันภัยได้ปฏิเสธการรับประกันภัยหรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัย หรือเป็นข้อมูลของบุคคลที่เห็นว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือฉ้อฉลประกันภัย

ประเด็นที่ 6 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทที่ชัดเจน ประเด็นที่ 7 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการรับประกันภัยไว้เพื่อประโยชน์ในการพิจารณารับประกันภัยครั้งต่อไปทำได้หรือไม่ ประเด็นที่ 8 การลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กรณีลูกค้าขอให้ลบข้อมูลสุขภาพ หรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลสุขภาพได้อีกแล้วมาขอสมัครใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับพิจารณาประกันภัยใหม่เนื่องจากบริษัทจะไม่สามารถตรวจสอบประวัติสุขภาพเดิมได้ และลูกค้าอาจปกปิดประวัติสุขภาพที่แถลงต่อบริษัทจึงทำให้บริษัทเกิดความเสี่ยงได้


ประเด็นที่ 9 ปัญหาขอบเขตของบริษัทรับประกันภัยต่อ เช่น กรณีที่บริษัทประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัยให้แก่บริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อการทำสัญญาประกันภัยต่อ กรณีดังกล่าวบริษัทประกันภัยส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมหรือไม่ และประเด็นที่ 10 ปัญหาการตีความหน้าที่ความรับผิดชอบของนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล

เลขาฯ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติชัดเจนตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ จึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย โดยมอบหมายให้บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด พิจารณาประเด็นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงเอกสารดังกล่าวข้างต้นที่ภาคธุรกิจประกันภัยเสนอต่อสำนักงาน คปภ. และศึกษาและวิเคราะห์กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติของ DGPR และต่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Flow)

โดยเชิญผู้แทนภาคธุรกิจประกันภัยมาให้ข้อมูล รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และช่องว่างในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (Gap Analysis) การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลเพื่อดำเนินการจัดทำระบบฐานข้อมูลประกันภัย (Insurance Bureau System) หรือเพื่อป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย รวมถึงการพัฒนาเอกสารที่รองรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้นำร่างหนังสือ Privacy Notice การเคลื่อนที่ของข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละกิจกรรมของภาคธุรกิจประกันภัย และใบคำขอเอาประกันภัย ฉบับมาตรฐานประเภทต่างๆ ที่ภาคธุรกิจประกันภัยได้ให้ข้อมูลมาใช้เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีทิศทางในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนจัดทำมาตรฐานขั้นต่ำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติ โดยมีโครงสร้างที่มีหัวข้อเกี่ยวกับประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประกันภัยเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูล รวมถึงแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานแก่ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เช่น การกำหนดแบบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงใบคำขอเอาประกันภัย เป็นต้น โดยโครงการนี้มีความคืบหน้าและจะแล้วเสร็จภายในกำหนดคือวันที่ 10 กันยายนนี้

“การสัมมนาครั้งนี้เป็นการระดมสมองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันถอดรหัสและคลี่ประเด็นปัญหา โดยยังมีหลายประเด็นที่ต้องร่วมมือกันกำหนดทิศทางและวางกรอบในทางปฏิบัติ รวมทั้งหารือขอความชัดเจนกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ” เลขาฯ คปภ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ