นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการนำร่อง นำยางพารา เพิ่มความปลอดภัยทางถนน

จันทบุรี 25 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการนำร่อง นำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน “ทล.”-“ทช.” ตั้งเป้าหมาย 3 ปี ทำ “แบริเออร์ ยางพารา” ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นกิโลเมตรทั่วไทย


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการนำร่องการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (kick off) โครงการในจังหวัดจันทบุรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการเปิดโครงการนำร่องการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน ว่า ได้รับทราบแนวทางการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยดังกล่าว โดยใช้ “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” (Rubber Fender Barrier : RFB) และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” (Rubber Guide Post : RGP) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ประชาชน โดยมุ่งเน้นให้ใช้ยางพาราเป็นวัสดุในการปรับปรุง ก่อสร้าง เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำยางพาราในประเทศ และสร้างสมดุลราคายางพาราให้เหมาะสม ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องการในวันนี้ คือ ผลผลิตของยางพาราให้มีราคาสูงขึ้นซึ่งปัจจุบันราคายางพาราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจเนื่องจากรัฐบาลยังต้องจ่ายค่าประกันให้กับเกษตรกรอยู่ภายใต้งบประมาณที่จำกัด แต่ในอนาคตจะต้องดำเนินการให้ยางพารามีราคาสูงโดยการใช้อย่างในประเทศถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ยางพารามีราคาสูงขึ้นซึ่งถือว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินการกว่าการใช้วิธีอื่น


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ และหลักนำทางยางธรรมชาติ ถือเป็นการปักหมุดโครงการนี้ ในประเทศไทย โดยการคิกออฟโครงการ มีนิทรรศการเสมือนจริง ในการสาธิต ขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่การผสมยาง การขึ้นแบบ การอบ จนถึงการทาสีอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด พร้อมรับชมการติดตั้งใช้งาน บนถนนจริง ด้วยเวลาอันรวดเร็ว

ขณะที่นางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะควบคุมกลไกในการรับซื้อและผลิตยางพาราเพื่อป้อนให้แก่กระทรวงคมนาคม และกลุ่มสหกรณ์ต่างๆ ก็จะรับซื้อในราคาที่สูงกว่าราคากลาง ของการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งก็จะส่งผลดีในระยะยาว ช่วยให้ราคายางพาราในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่รัฐบาล ก็ไม่ต้องนำงบประมาณหรือแหล่งเงินไปใช้ในโครงการประกันราคา เกิดประโยชน์ในเรื่องของทิศทางราคาอย่างยั่งยืน

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล.ได้นำร่องนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยการใช้ “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” (Rubber Fender Barrier : RFB) มาติดตั้งบนถนน ทางหลวงหมายเลข 3249 ตอนเขาไร่ยา-แพร่งขาหยั่ง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี หรือถนนบำราศนราดูร จันทบุรี-เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ช่วงก่อนถึงโค้งวัดชำโสม ขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ เป็นเกาะสี ระยะทาง 400 เมตร วงเงินประมาณ 2-3 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย และเพิ่มการผลิตให้กับชาวสวนยางด้วย


สำหรับเส้นทางถนน ทางหลวงหมายเลข 3249 ที่ ทล.นำร่องใช้ RFB ดังกล่าวนั้น มีความพร้อมมากที่สุด เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากสหกรณ์ชาวสวนยาง จ.จันทบุรี และถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเส้นทางดังกล่าวนั้น มีประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมการท่องเที่ยวไปยังเขาคิชฌกูฏ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางจำนวนมาก ประกอบกับเป็นทางโค้ง และมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่งผลให้รถวิ่งข้ามเลน นำไปสู่ความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน

นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า ตามแผนงานของ ทล. ในปี 2563 ระยะแรกนั้น มีแผนที่จะใช้แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต บริเวณถนนที่ทีเกาะสี และเกาะร่อง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร (กม.) จากถนนที่มีอยู่ในแผน 3 ปี (2563-2565) รวมระยะทาง 1,029 กิโลเมตร (กม.) อย่างไรก็ตาม หลังจากการนำร่องที่จังหวัดจันทบุรีในวันนี้ จะขยายดำเนินการไปที่จังหวัดสตูล และจังหวัดบึงกาฬต่อไป เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งผลิตยางพาราที่สำคัญ ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินการของ ทล. นั้น ภายหลังจากการได้รับการจัดสรรงบประมาณ จะไปซื้อผลิตภัณฑ์ยางพาราตรงกับชุมนุมสหกรณ์ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ในส่วนของกรมทางหลวง มีแผนงานที่จะใช้ แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต หรือ Rubber Fender Barrier นี้ ในระยะเวลา 3 ปีระหว่างปี 2563-2565 เป็นระยะทางบนถนนของกรมทางหลวงชบบท 768 กิโลเมตร พร้อมยืนยันว่า การใช้งานจะเกิดความยั่งยืน โดยใน 3 ปีแรก จะมีการใช้ยางพาราสดมากกว่า 1 ล้านตัน หลังจากนั้น 3 ปีตั้งแต่ปี 2556 ภารกิจของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทจะมีการใช้ยางพาราในทุกปีไม่น้อยกว่า 336,000 ตัน ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้มากกว่าปีละ 9,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการใช้งานของกระทรวงคมนาคม สำหรับภารกิจของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทมีเป้าหมายในการผลิตระหว่างปี 2563-2565 เป็นระยะทางถนนหลวงและถนนสายรองทั่วประเทศที่จะมีการใช้งาน “รับเบอร์ เฟนเดอร์ แบริเออร์ 12,282 กิโลเมตร ใช้งบประมาณรวมกว่า 83,421 ล้านบาท

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จังหวัดระยองในวันนี้นั้น ที่ประชุม ครม. ยังได้มีมติอนุมัติงบกลางประจำปี 2563-2564 วงเงิน 2,700 ล้านบาท เพื่อในการผลิต RFB และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) พร้อมนำมาใช้บนถนนของ ทล. วงเงิน 1,700 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) วงเงิน 1,000 ล้านบาท .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น