กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – กรมการขนส่งทางบกแนะ 6 มาตรการ รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19 กำชับสำนักงานขนส่งทั่วประเทศตรวจสอบรถรับส่งนักเรียนในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้สถานศึกษาเปิดภาคการศึกษา 2563 ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นไปนั้น โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคการศึกษา กรมการขนส่งทางบก จึงกำหนดมาตรการควบคุมรถรับส่งนักเรียน เพื่อให้ผู้ได้รับอนุญาตใช้รถรับส่งนักเรียนปฏิบัติตามตลอดภาคการศึกษา
ด้านมาตรการคัดกรอง พนักงานขับรถรับส่งนักเรียน ผู้ควบคุมนักเรียน จะต้องผ่านการคัดกรอง และตรวจวัดอุณหภูมิ ก่อนการขับรถรับส่งนักเรียน หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามขับรถโดยเด็ดขาด รวมถึงจัดให้มีการคัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมินักเรียนก่อนใช้บริการด้วยเช่นกันและสามารถปฏิเสธการให้บริการในกรณีที่พบว่านักเรียนมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ควบคุมนักเรียน และนักเรียนที่ใช้บริการ การล้างมือ จัดให้มีแอลกอฮอล์ชนิดเจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคประจำรถ การทำความสะอาด ให้ทำความสะอาดรถรับส่งนักเรียนก่อนและหลังการให้บริการแต่ละรอบ เปิดหน้าต่างและประตูเพื่อถ่ายเทระบายอากาศภายในตัวรถ และทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ เช่น ราวจับ ที่เปิดประตู เบาะนั่ง ที่วางแขน เป็นต้น ลงทะเบียนบันทึกข้อมูลการใช้บริการแต่ละรอบของนักเรียน เพื่อความรวดเร็วในการสืบสวนโรคของแพทย์หากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ และสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังเข้มงวดตรวจสอบรถรับส่งนักเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กำหนด โดยได้กำชับให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถรับส่งนักเรียนในจังหวัดอย่างเข้มงวดต่อเนื่องตลอดภาคการศึกษา ในส่วนของมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถรับส่งนักเรียนที่เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งลักษณะรถสองแถวและรถตู้ กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรง กรณีเป็นรถสองแถวต้องมีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตก ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย และต้องคำนึงถึงมาตรการทางด้านสาธารณสุขด้วย.-สำนักข่าวไทย