KTBST ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ที่ 1,725 จุด

กรุงเทพ ฯ 25 ธ.ค. –  KTBST ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ที่ 1,725 จุด รับผลบวกจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่น่าจะคลี่คลาย ให้น้ำหนักเน้นหุ้นสหรัฐ-ยุโรป  กองรีท พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ตั้ง KTBST Holding เพื่อขยายธุรกิจมุ่งเป้าเป็นสถาบันการเงินที่ครบวงจรของประเทศ พร้อมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2563 


 นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC)  กล่าวว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2563  จะฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งปีแรกเป็นต้นไป เนื่องจากรับปัจจัยบวกที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าได้บางส่วน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นในไตรมาสที่ 2 อีกทั้งธนาคารกลางทั่วโลก จะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเทศไทยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนฟื้นตัวได้ในครั้งปีหลัง  โดยให้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ที่ 1,725 จุด  หรืออาจจะถึง 1,800 จุด  หากข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนจบลงได้ดีกว่าที่คาด และการเมืองในประเทศสงบด้วยดี ส่วนกรอบการเคลื่อนไหว ต่ำสุด-สูงสุด ของดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,588-1,787 จุด ส่วนประมาณการกำไรปี 2563 อยู่ที่ 980,000 ล้านบาท ขยายตัว 8.2% โดยมีค่า EPS เฉลี่ยอยู่ที่ 94.8 บาท และปี 2564 คาดกำไรอยู่ที่ 1.08 ล้านล้านบาท ขยายตัว 10.5%  และคิดเป็น EPS เฉลี่ยที่ระดับ 103.6 บาท ทั้งสองปีจะเป็นการขยายตัวมาจากฐานที่ต่ำและผลกระทบจากสงครามการค้าที่คลี่คลายลง  

สำหรับหุ้นเด่นในปี 2563 ที่คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีในปี 2563 และในไตรมาสที่ 1 ได้แก่ 1.) กลุ่มที่ผลการดำเนินงานยังเติบโตดีต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มสัมปทานภาครัฐ สินเชื่อรายย่อย หรือหุ้นที่มีการลงทุนใหม่ ๆ ได้แก่ BCH, CBG, GUNKUL, PRM, SPALI, BGC,  MTC, SAWAD, OSP , BDMS, และ JMT 2.) กลุ่มที่ราคาหุ้นหรือผลประกอบการอ่อนตัวลงมามากในปี 2019  อาทิ น้ำมัน , ปิโตรเคมี , ส่งออก , โรงแรม เช่น ERW, BCP, CPF, TKN , IRPC, PTTEP และ HANA ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า เช่น GULF, BGRIM, GPSC  คาดว่าปีทองได้ผ่านไปตั้งแต่ปี 2562 แล้ว  


นายชาตรี โรจนอาภา กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์  KTBST SEC เปิดเผยว่า ในปี 2563 คาดว่าภาพการลงทุนมีความผันผวนที่ต่ำลงจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอดีตพบว่าในช่วงการเลือกตั้งจะเกิด “Election rally” คือ ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะให้ผลตอบแทนในช่วงปีที่มีการเลือกตั้งมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก 2. รูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจเปลี่ยนจากนโยบายทางการเงิน มาสู่นโยบายทางการคลังในการป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะการลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี 3. สถานการณ์สงครามการค้าเบนเข็มสู่ยุโรป หากนายโดนัลด์ ทรัมป์สามารถชนะการเลือกตั้งได้ จะหันกลับมาทำสงครามทางการค้ากับยุโรปเพื่อชดเชยการขาดดุลทางการค้า 

ด้านมุมมองดอกเบี้ยคาดว่าปีหน้าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจมีการลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เศรษฐกิจ เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการปรับลดลงอีกครั้งให้สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยโลก โดยยังให้คำแนะนำเน้นลงทุนในตราสารทุนมากกว่าตราสารหนี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปมากกว่าตลาดกำลังพัฒนา เนื่องจากคาดว่ามีโอกาสนำเครื่องมือการคลังมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง รวมทั้งพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดสามารถสร้างผลประกอบการได้ดีกว่ากลุ่มตลาดเกิดใหม่ สำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานจากอัตราเงินปันผลที่สูง ประกอบกับเงื่อนไขของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่จะเริ่มต้นในปีหน้าเปิดให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้อย่างเสรีจึงเป็นโอกาสให้กองทุนเพื่อการออมลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น


นายวิน  อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 2562 อยู่ที่ 1,092 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 44 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจาก 2 ส่วน คือ ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์42% และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริการอื่น ๆ 38% ขณะที่รายได้กลุ่มบริษัท KTBST 1,104 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในปี 2563 จะมีรายได้ 1,400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 101.55 ล้านบาท หรือเติบโต 26.3 %  โดยในปีหน้า บริษัทในเครือ คือ บริษัท เคทีบีเอสที รีท แมเนจเมนท์ (KTBST REIT)  เดินหน้าจัดตั้งกองรีท 2 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท มีทั้งสินทรัพย์ที่เป็นกลุ่มโกดังสินค้าหรือโรงงาน , โรงแรมที่พักและสำนักงานกับพื้นที่ค้าปลีก และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในปี 2563 เป็น 10,000 ล้านบาท  จากแนวโน้มของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน ขณะเดียวกันจะมีการจัดตั้งบริษัท เคทีบีเอสที โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)”  (KTBST Holding) ขึ้น เพื่อขยายธุรกิจ ให้ KTBST Holding เป็นสถาบันการเงินครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการจัดตั้งบริษัท KTBST Lend  บริษัทปล่อยสินเชื่อในลักษณะคลินิกแก้หนี้ให้กับองค์กร และพนักงาน เพื่อนำไปแก้หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง พร้อมทั้งให้คำปรึกษา และแนะนำการลงทุนเพื่อลดหนี้เพิ่มการออม พร้อมกันนี้จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2563 ด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]