กรุงเทพ ฯ 14 มี.ค.- ขสมก.นำรถเมล์ NGV ทดลองวิ่งให้บริการแล้ว 2 เส้นทาง พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 26 มีนาคม โดยคงค่าโดยสารราคาเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการใช้บริการรถเมล์ NGV รุ่นใหม่ ซึ่งมีการนำมาทดลองวิ่งในวันนี้เป็นวันแรกในเส้นทางสาย 138 เส้นทางอู่ราชประชา-หมอชิต2 และสาย 140 เส้นทางแสมดำ – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้รับเสียงตอบรับจากผู้โดยสารค่อนข้างดี ส่วนใหญ่บอกว่า ชอบลักษณะภายในที่ดูสะอาดกว้างขวาง นั่งสบาย ถ้าเทียบกับรถเมล์แบบเก่า ที่สำคัญมีที่นั่งสำหรับคนพิการและยังเก็บค่าโดยสารในอัตราเท่าเดิม
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน การทดสอบสมรรถนะของรถ ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถ เครื่องยนต์ที่ต้องวิ่งบนสะพานแขวน ขณะบรรทุกผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 80 คน ตามสภาพการจราจรจริง และเครื่องยนต์ต้องสามารถใช้กับก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) ที่จำหน่ายในไทยได้ ส่วนทางลาดสำหรับอำนวยความสะดวกผู้โดยสารต้องมีคุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนด ซึ่งจะใช้เวลาวิ่งประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงต่อรอบในแต่ละวัน คาดจะวิ่งได้ประมาณ 6 รอบต่อเส้นทาง
ทั้งนี้จะมีการทดสอบให้บริการ 3 วัน คือ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 16 มีนาคม ในเส้นทางถนนพระราม 2 จำนวน 8 สาย คือ เส้นทางทิศเหนือของกรุงเทพ(รังสิต-ดอนเมือง) 8 สาย เส้นมีนบุรี-สวนสยาม 4 สาย เส้นสมุทรปราการ-สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ อีก 4 สาย และจะทยอยให้บริการได้จริง หลังวันที่ 20 มีนาคม นี้ โดยคงค่าโดยสารไว้ที่ราคาเดิม
สำหรับรถเมล์ NGV รุ่นนี้ มี 35 ที่นั่ง ติดตั้งกล้อง CCTV มีทางออกฉุกเฉินเปิด-ปิดได้ และมีพื้นที่สำหรับคนพิการ ทั้งที่นั่งสำรองคนพิการ และพื้นที่วีลแชร์ให้กับผู้พิการคันละ 2 ที่นั่ง ถังดับเพลิงและค้อนทุบกระจก กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินด้วย
หลังจากการทดสอบวันที่ 16 มีนาคมแล้ว ขสมก.จะนำรถเมล์ NGV ไปทดสอบในเส้นทางอื่นต่อไป และเมื่อการทดสอบผ่านตามเงื่อนไข TOR บริษัทเอกชนจะทยอยส่งมอบรถ คาดว่าจะสามารถรับมอบรถเมล์ NGV ล็อตแรก 100 คัน ภายในวันที่ 23 มีนาคมนี้ พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 26 มีนาคม และ คาดจะรับมอบรถเมล์ NGV ใหม่ ทั้ง 489 คัน ได้ครบประมาณเดือนมิถุนายน นี้ ซึ่งจะมีการจัดรถลงประจำการใน 4 เขตการเดินรถ ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1, 2 , 3 และ 5 โดยวิ่งให้บริการ 25 เส้นทาง ทั่วกรุงเทพฯ และค่าโดยสารยังเป็นราคาเดิมไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารแต่อย่างใด นอกจากนี้ ขสมก.จะทยอยติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-ticket) เพื่อรองรับการใช้ระบบตั๋วร่วมต่อไป และให้บริการของประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวด้วยว่าผลประกอบการน่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีรถเมล์ใหม่เข้ามาให้บริการ และจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 50 ค่าบำรุงถูกลงถึงร้อยละ 50 ทำให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการดีขึ้น เรื่องคุณภาพบริการสำคัญที่สุด รถใหม่มีความพร้อม ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น.-สำนักข่าวไทย