กลุ่มปตท.นำเงินส่งเข้ารัฐกว่า 70,000 ล้านบาทจากผลประกอบการปี 60

กรุงเทพฯ 21 ก.พ.-กลุ่ม
ปตท.นำเงินส่งรัฐทั้งส่วนภาษีและเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 วงเงินรวมกว่า
70,000 ล้านบาท เตือนคนไทยรับมือน้ำมันแพงขึ้นโดยปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบเพิ่มจาก
55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็น 60-65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ย้ำซื้อหุ้นไออาร์พีซีจากออมสิน เป็นการลงทุนระยะยาวในเครือบริษัทที่เป็น
Flag Ship คาดกระจายหุ้น
PTTOR เร็วสุดกลางปีหน้า ส่วนการแตกพาร์ 1ต่อ 10
เพื่อให้รายย่อยถือหุ้น ปตท.ได้เพิ่ม มี 5,000 บาทก็ซื้อได้


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
จากผลประกอบการที่ดีขึ้นในปี 2560
เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทั้งกลุ่มปตท.
ซึ่งจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลการดำเนินงานปี
2560  ในอัตรา 20 บาทต่อหุ้น กระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักษ์ซึ่งถือหุ้นรวมในปตท.กว่าร้อยละ
60 จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 36,700 ล้านบาทและเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของปตท.และบริษัทในเครืออีกประมาณ
34,600 ล้านบาท รวมเป็นรายได้นำส่งรัฐประมาณ 71,300 ล้านบาท เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินไปพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ผลประกอบการ ปตท.ปี 2560 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม
1.559 ล้านล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 74,552 ล้านบาท
และเมื่อรับรู้ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 60,628 ล้านบาท
ทำให้ ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1.996 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
16.1) และมีกำไรสุทธิรวม 135,180 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 42.9)
คิดเป็นกำไร 46.74 บาทต่อหุ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ ปตท.
และบริษัทในกลุ่มดีขึ้น ได้แก่   ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นโดยน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก
41.3 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 53.2 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8)    
ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น
จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น  
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (
productivity improvement) สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี
(
EBIT) สูงถึง 3.0 หมื่นล้านบาท
ทั้งการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายดำเนินการและค่าใช้จ่ายลงทุนรับเงินปันผลและกำไรจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนได้แก่
หน่วยลงทุนในกองทุนดัชนีพลังงานและปิโตรเคมี (
EPIF) และหุ้น SPRC
รวม 6,800 ล้านบาท    เงินบาทแข็งค่าในช่วงปลายปี
ทำให้มีกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 13,700 ล้านบาท


นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า จากราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นปี 2561 ที่แตะ 70
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวและกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก
ลดกำลังผลิตต่อเนื่อง 
จึงคาดว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว
ปตท.จึงปรับคาดการณ์ปีนี้ใหม่จากเดิมคาดว่า 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็น 60-65
ดอลลาร์/บาร์เรล 
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติราคาสป็อต(
JKM) คาดจะอยู่ที่ 6.7-8.7 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู
และราคาก๊าซแหล่ง
Henry Hub อยู่ที่ 2.9-3.3 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู
ขณะที่ค่าการกลั่นอาจลดลงจากปี2560 จาก 7.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลงมาอยู่ที่
6.8-7.0 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาปิโตรเคมีมีทั้งขยับขึ้นและลดลง

สำหรับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีที่ผ่านมา ปตท.
ได้จัดทำแผนการลงทุน 5 ปี (2561-2565) ในวงเงิน 340,000 ล้านบาท
ครอบคลุมการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่
ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 คลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (
LNG) การปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีก
การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมทั้งการศึกษาธุรกิจใหม่ที่จะเป็น
New S-Curve
ในอนาคต อาทิ โครงการ Ethane Extraction โครงการความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม
และ
Electricity Value Chain ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ EEC
ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
โดยได้เตรียมงบประมาณสำรองในส่วนนี้เพิ่มอีกประมาณ 240,000 ล้านบาท

นางนิธิมา เทพวนังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่าวว่า ปตท.ยังมีกระแสเงินสดเหลือประมาณ
100,000 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายเงินปันผลและจ่ายภาษีรวมทั้งจ่ายเงินซื้อหุ้น
บมจ.ไออาร์พีซีจากธนาคารออมสิน ในสัดส่วนอีกเกือบร้อยละ 10  ในราคาหุ้น 7.10 บาท/หุ้น ปตท.วงเงิน 14,000
ล้านบาทแล้ว ทำให้ ปตท.ถือหุ้นไออาร์พีซีเพิ่มจากร้อยละ 38 เป็นร้อยละ  48 ก็เป็นไปตามนโยบายของ
ปตท.ที่จะถือหุ้นในบริษัทหลักหรือ
Flag Ship เช่น  ไทยออยล์และ พีทีทีจีซี ในสัดส่วนร้อยละ 48-49
และจากที่บริษัทหลักมีความแข็งแรง ทาง ปตท.จึงไม่มีแผนควบรวมกิจการบริษัทในเครือแต่อย่างใด
โดยจากแผนบริหารประสิทธิภาพร่วมกันก็ทำให้ร่วมลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ด้วยกันอยู่แล้ว


นางนิธิมา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการโอนทรัพย์สินจาก ปตท.ไปให้บริษัท
ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือพีทีทีโออาร์ (
PTTOR) ตั้งเป้าหมายจะโอนเสร็จสิ้นในวันที่
1 กรกฎาคม2561 มูลค่ากว่าแสนล้านบาท หลังจากนั้นยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (
Filing)
ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (
IPO)   ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะได้รับอนุมัติภายใน
6-8 เดือน ดังนั้นจึงคาดว่าจะกระจายหุ้นได้เร็วที่สุดในกลางปี 2562

ส่วนการจัดตั้งบริษัทปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT Treasury Center Company
Limited : PTT TCC) นั้น
ก็เพื่อความคล่องตัวและลดต้นทุนบริหารการเงิน
เพราะรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ด้วยการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่ง ปกติแล้ว
ปตท.ต้องจ่ายแทนในอัตราร้อยละ 10-15 โดยในปีนี้
ปตท.จะมีการบริหารการเงินผ่านศูนย์นี้ประมาณ 700-800 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งเพื่อการลงทุนและการรีไฟแนนซ์เงินกู้ด้วย

ส่วนการที่คณะกรรมการปตท.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้
(พาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ทั้งนายเทวินทร์ และ นางนิธิมา กล่าวว่า
เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น ปตท.ได้เพิ่มขึ้น เพราะจากราคาหุ้นปตท.ที่ขึ้นมาถึงระดับกว่า
500 บาททำให้ รายย่อยซื้อหุ้นได้ยาก เพราะต้องใช้เงินหุ้นแต่ละครั้ง 100 หุ้น
ต้องใช้เงินถึงกว่า 50
,000 บาท แต่เมื่อแตกพาร์แล้ว
เท่ากับราคาหุ้นจะเหลือประมาณ 50 บาท รายย่อยก็จะใช้เงินซื้อหุ้น แต่ละครั้ง 100
หุ้นเพียง  5
,000
บาทเท่านั้น จึงคาดว่า จะทำให้รายย่อยเข้ามาถือหุ้นใน ปตท.เพิ่มเป็นร้อยละ 6
จากเดิมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาหุ้น ปตท.ขยับจาก 300 บาทมาเป็นกว่า 500 บาท
รายย่อยถือหุ้นลดลงจากร้อยละ 6-7 เหลือร้อยละ 4 เท่านั้น 
โดยคาดว่าจะสามารถแตกพาร์เสร็จสิ้นและประชาชนซื้อหุ้นแตกพาร์ได้ในปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนี้-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]