กลุ่มปตท.นำเงินส่งเข้ารัฐกว่า 70,000 ล้านบาทจากผลประกอบการปี 60

กรุงเทพฯ 21 ก.พ.-กลุ่ม
ปตท.นำเงินส่งรัฐทั้งส่วนภาษีและเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2560 วงเงินรวมกว่า
70,000 ล้านบาท เตือนคนไทยรับมือน้ำมันแพงขึ้นโดยปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบเพิ่มจาก
55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็น 60-65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ย้ำซื้อหุ้นไออาร์พีซีจากออมสิน เป็นการลงทุนระยะยาวในเครือบริษัทที่เป็น
Flag Ship คาดกระจายหุ้น
PTTOR เร็วสุดกลางปีหน้า ส่วนการแตกพาร์ 1ต่อ 10
เพื่อให้รายย่อยถือหุ้น ปตท.ได้เพิ่ม มี 5,000 บาทก็ซื้อได้


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
จากผลประกอบการที่ดีขึ้นในปี 2560
เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทั้งกลุ่มปตท.
ซึ่งจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลการดำเนินงานปี
2560  ในอัตรา 20 บาทต่อหุ้น กระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักษ์ซึ่งถือหุ้นรวมในปตท.กว่าร้อยละ
60 จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 36,700 ล้านบาทและเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของปตท.และบริษัทในเครืออีกประมาณ
34,600 ล้านบาท รวมเป็นรายได้นำส่งรัฐประมาณ 71,300 ล้านบาท เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินไปพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ผลประกอบการ ปตท.ปี 2560 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม
1.559 ล้านล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 74,552 ล้านบาท
และเมื่อรับรู้ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 60,628 ล้านบาท
ทำให้ ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1.996 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
16.1) และมีกำไรสุทธิรวม 135,180 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 42.9)
คิดเป็นกำไร 46.74 บาทต่อหุ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ ปตท.
และบริษัทในกลุ่มดีขึ้น ได้แก่   ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นโดยน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก
41.3 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 53.2 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8)    
ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น
จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น  
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (
productivity improvement) สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี
(
EBIT) สูงถึง 3.0 หมื่นล้านบาท
ทั้งการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายดำเนินการและค่าใช้จ่ายลงทุนรับเงินปันผลและกำไรจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนได้แก่
หน่วยลงทุนในกองทุนดัชนีพลังงานและปิโตรเคมี (
EPIF) และหุ้น SPRC
รวม 6,800 ล้านบาท    เงินบาทแข็งค่าในช่วงปลายปี
ทำให้มีกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 13,700 ล้านบาท


นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า จากราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นปี 2561 ที่แตะ 70
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวและกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก
ลดกำลังผลิตต่อเนื่อง 
จึงคาดว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว
ปตท.จึงปรับคาดการณ์ปีนี้ใหม่จากเดิมคาดว่า 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็น 60-65
ดอลลาร์/บาร์เรล 
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติราคาสป็อต(
JKM) คาดจะอยู่ที่ 6.7-8.7 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู
และราคาก๊าซแหล่ง
Henry Hub อยู่ที่ 2.9-3.3 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู
ขณะที่ค่าการกลั่นอาจลดลงจากปี2560 จาก 7.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลงมาอยู่ที่
6.8-7.0 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาปิโตรเคมีมีทั้งขยับขึ้นและลดลง

สำหรับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีที่ผ่านมา ปตท.
ได้จัดทำแผนการลงทุน 5 ปี (2561-2565) ในวงเงิน 340,000 ล้านบาท
ครอบคลุมการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่
ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 คลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (
LNG) การปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีก
การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมทั้งการศึกษาธุรกิจใหม่ที่จะเป็น
New S-Curve
ในอนาคต อาทิ โครงการ Ethane Extraction โครงการความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม
และ
Electricity Value Chain ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ EEC
ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
โดยได้เตรียมงบประมาณสำรองในส่วนนี้เพิ่มอีกประมาณ 240,000 ล้านบาท

นางนิธิมา เทพวนังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่าวว่า ปตท.ยังมีกระแสเงินสดเหลือประมาณ
100,000 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายเงินปันผลและจ่ายภาษีรวมทั้งจ่ายเงินซื้อหุ้น
บมจ.ไออาร์พีซีจากธนาคารออมสิน ในสัดส่วนอีกเกือบร้อยละ 10  ในราคาหุ้น 7.10 บาท/หุ้น ปตท.วงเงิน 14,000
ล้านบาทแล้ว ทำให้ ปตท.ถือหุ้นไออาร์พีซีเพิ่มจากร้อยละ 38 เป็นร้อยละ  48 ก็เป็นไปตามนโยบายของ
ปตท.ที่จะถือหุ้นในบริษัทหลักหรือ
Flag Ship เช่น  ไทยออยล์และ พีทีทีจีซี ในสัดส่วนร้อยละ 48-49
และจากที่บริษัทหลักมีความแข็งแรง ทาง ปตท.จึงไม่มีแผนควบรวมกิจการบริษัทในเครือแต่อย่างใด
โดยจากแผนบริหารประสิทธิภาพร่วมกันก็ทำให้ร่วมลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ด้วยกันอยู่แล้ว


นางนิธิมา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการโอนทรัพย์สินจาก ปตท.ไปให้บริษัท
ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือพีทีทีโออาร์ (
PTTOR) ตั้งเป้าหมายจะโอนเสร็จสิ้นในวันที่
1 กรกฎาคม2561 มูลค่ากว่าแสนล้านบาท หลังจากนั้นยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (
Filing)
ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (
IPO)   ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะได้รับอนุมัติภายใน
6-8 เดือน ดังนั้นจึงคาดว่าจะกระจายหุ้นได้เร็วที่สุดในกลางปี 2562

ส่วนการจัดตั้งบริษัทปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT Treasury Center Company
Limited : PTT TCC) นั้น
ก็เพื่อความคล่องตัวและลดต้นทุนบริหารการเงิน
เพราะรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ด้วยการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่ง ปกติแล้ว
ปตท.ต้องจ่ายแทนในอัตราร้อยละ 10-15 โดยในปีนี้
ปตท.จะมีการบริหารการเงินผ่านศูนย์นี้ประมาณ 700-800 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งเพื่อการลงทุนและการรีไฟแนนซ์เงินกู้ด้วย

ส่วนการที่คณะกรรมการปตท.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้
(พาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ทั้งนายเทวินทร์ และ นางนิธิมา กล่าวว่า
เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น ปตท.ได้เพิ่มขึ้น เพราะจากราคาหุ้นปตท.ที่ขึ้นมาถึงระดับกว่า
500 บาททำให้ รายย่อยซื้อหุ้นได้ยาก เพราะต้องใช้เงินหุ้นแต่ละครั้ง 100 หุ้น
ต้องใช้เงินถึงกว่า 50
,000 บาท แต่เมื่อแตกพาร์แล้ว
เท่ากับราคาหุ้นจะเหลือประมาณ 50 บาท รายย่อยก็จะใช้เงินซื้อหุ้น แต่ละครั้ง 100
หุ้นเพียง  5
,000
บาทเท่านั้น จึงคาดว่า จะทำให้รายย่อยเข้ามาถือหุ้นใน ปตท.เพิ่มเป็นร้อยละ 6
จากเดิมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาหุ้น ปตท.ขยับจาก 300 บาทมาเป็นกว่า 500 บาท
รายย่อยถือหุ้นลดลงจากร้อยละ 6-7 เหลือร้อยละ 4 เท่านั้น 
โดยคาดว่าจะสามารถแตกพาร์เสร็จสิ้นและประชาชนซื้อหุ้นแตกพาร์ได้ในปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนี้-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย