กรุงเทพฯ 7 ธ.ค. -รัฐบาลออกแพ็กเกจของขวัญปีใหม่หนุนเอสเอ็มอี 1
ล้านราย ดึงธนาคารรัฐอัดฉีดช่วยสินเชื่อกว่า 200,000 ล้านบาทในปี 2561
ส่งเสริมผ่าน 10 โครงการหลัก “สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์”สั่งการบ้าน 3 เดือนมาตรการต้องเห็นผลชัดเจน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดแพ็กเกจของขวัญในการขับเคลื่อน SMEs ว่า มีทั้งมาตรการช่วยเหลือที่ไม่ใช่ด้านการเงิน
และมาตรการทางการเงิน โดยกำชับผู้บริหารธนาคารรัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเห็นผลของมาตรการชัดเจนภายใน
3 เดือน มุ่งเน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีเป็นรายกลุ่มให้ชัดเจน ทั้งด้านเกษตรแปรรูป
ท่องเที่ยว บริการ ภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของ
แพ็กเกจด้านการเงินในปี 61 ได้ร่วมมือโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
เน้นพิจารณาสหรับเอสเอ็มอีจัดทำบัญชีเดียว
ประกอบด้วยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Development BANK) วงเงินสินเชื่อ 90,000 ล้านบาท หวังช่วยเหลือเอสเอ็มอี 75,000 ราย
ผ่านสินเชื่อ SMEs Transformation Loan ดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรระยะที่
2 เพื่อ SMEs ในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรม S-Curve ที่ต้องการลงทุน ปรับปรุง พัฒนาเครื่องจักร
รวมถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการผลิต และอาคารที่ตั้งเครื่องจักร สินเชื่อ Local Economy Loan เพื่อกลุ่ม SMEs ในระดับชุมชน อาทิ
ธุรกิจเกษตรแปรรูป ธุรกิจท่องเที่ยว อนุมัติภายใน 7 วัน เบิกสินเชื่อภายใน 1 วัน
ธนาคารออมสิน ได้รับมอบหมายให้ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี 40,000 ล้านบาท
เพื่อให้สัดส่วนร้อยละ 10 ของสินเชื่อรวม
เอ็กซิมแบงก์ มุ่งเน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการส่งออกสินค้า
โดยต้องลงพื่้นที่เยี่ยมลูกค้าผู้ส่งออกให้สามารถบุกตลาดผ่านออนไลน์
เพื่อให้เป็นเอสเอ็มอียุคใหม่ เตรียมวงเงินรองรับ 5,000 ล้านบาท
ธนาคารกรุงไทยได้รับมอบหมายให้ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี 50,000 ล้านบาท
สร้างเครือข่ายผ่านทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านก๊าซหุงต้ม รองรับการชำระเงิน ขณะที่
ธ.ก.ส. ได้รับมอบหมายการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีภาคเกษตรในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 72,000
ล้านบาท การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวจะให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ
เพราะมีวงเงินค้ำประกันเหลืออยู่ 81,000 ล้านบาท การช่วยเหลือทางการเงินทุกแบงก์รวมกันกว่า
2 แสนล้านบาท ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อ 2-3 แสนราย
และได้รับช่วยเหลือด้านอื่นอีกรวม 1 ล้านราย
โดยธนาคารรัฐจะสรุปมาตรการให้ชัดเจนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาชดเชยภาระดอกเบี้ยภายในเดือนธันวาคมนี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า
มาตรการดังกล่าว ต้องการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ไม่ใช่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งการพัฒนาด้านความรู้ การผลิต บัญชี
เงินทุน เพื่อปูพื้นฐานครอบคลุมทุกด้าน
จึงมุ่งปูพื้นฐานให้เอสเอ็มอีในชุมชนเป็นหลัก ส่วนผู้ประกอบการระดับกลางจะช่วยบางส่วนที่เติมเต็ม ตั้งแต่การสนับสนุน
วิสาหกิจชุมชนจนถึงผู้ประกอบการระดับขนาดกลางทั้งด้านการผลิต การตลาด
การส่งเสริมนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายให้ SMEs เกิดความเข้มแข็งพร้อมนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดและยกระดับขีดความสามารถ ให้ไปสู่ช่องทางการค้าที่มีอยู่หลากหลาย
ซึ่งในกระบวนการดังกล่าวจะอาศัยความร่วมมือผ่านการเชื่อมโยงจากหลายๆหน่วยงาน
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยแบ่งการบริการออกเป็นอีก
4 ด้านคือ 1. Service
Upgrading (กลไกสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ) 2. Enablers (การเสริมแกร่ง SMEs) 3. Capacity Upgrading
and Transforming การพัฒนาขีดความสามารถและการโดยมีพี่เลี้ยงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำระดับโลกกว่า
20 ราย เช่น ปตท. เดลต้า เอสซีจี เดนโซ่ 4. Local Economy (การยกระดับเศรษฐกิจฐานชุมชน)
ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.)
เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานและขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
.-สำนักข่าวไทย