กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – ตลาดจับตาโหวตเลือกนายกฯ สัปดาห์นี้ มองพรรคประชาชนเลือกจับขั้ว “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ดีกว่าไม่เลือกพรรคไหนเลย ชี้รอการเลือกตั้งใหม่ 4-6 เดือน ขาดแรงผลักมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยิ่งกดความเชื่อมั่นผู้บริโภค-ภาคธุรกิจ
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล มองการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่ว่าพรรคประชาชนจับขั้วกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทย ตลาดจะตอบรับค่อนไปทางบวกอ่อน ๆ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจัดตั้ง ครม.ใหม่ ได้ในระยะเวลา 1 เดือน ไม่เกิดสุญญากาศ แม้ไม่ใช่รัฐบาลชุดเดิม แต่หากมติพรรคประชาชนไม่โหวตให้กับฝั่งไหน กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น ทั้งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนโยบายรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งดีกว่าไม่เลือกเลย แต่หากลากยาวไปมากว่า 1 เดือน ตลาดมีโอกาสซึม อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะได้ตัวนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ หลังสภาฯ เตรียมประชุมนัดพิเศษ 3-5 ก.ย.นี้ เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า การที่ ครม.รักษาการมีแนวโน้มอยู่ในตำแหน่งไม่นาน จากการที่พรรคการเมืองต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสได้นายกฯ คนใหม่และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่รวดเร็ว ขณะที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ไม่น่าเผชิญอุปสรรคใด ๆ จากกระบวนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนี้ และการมีรัฐบาลใหม่ได้เร็วจะทำให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน ไม่เกิดการเว้นวรรคนานเกินไป เช่น ปัญหาชายแดนกับกัมพูชา และปัญหาภาษีการค้ากับทางสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หากพรรคประชาชนยังยืนอยู่บนจุดยืนว่าจะโหวตให้แต่นายกรัฐมนตรี แต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล จะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่เป็นผลบวกต่อเสถียรภาพการเมือง ส่วนรัฐบาลชั่วคราวที่ประกาศว่าจะมีอายุเพียงแค่ 4 เดือนนั้น อาจทำให้เกิดการเกียร์ว่างในส่วนราชการต่าง ๆ ทำให้โอกาสในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ๆ เกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนี้การขาดแรงผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และการรอการเลือกตั้งใหม่ไปอย่างน้อย 4-6 เดือน จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป.-516-สำนักข่าวไทย