กรุงเทพ 27 ส.ค.-39 หน่วยงานรัฐคว้ารางวัล “สำเภา–นาวาทอง” ปีที่ 4 โดยในจำนวนนี้มี 6 กระทรวงได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ซึ่งหอการค้าฯ ชูความสำเร็จลดอุปสรรคธุรกิจ พัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สำเภา-นาวาทอง” ประจำปี 2568 เป็นปีที่ 4 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อยกย่องและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่มุ่งมั่นลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนความสำเร็จของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยปีนี้มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ประสิทธิภาพหน่วยงานภาครัฐ กับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน”
นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง การแข่งขันทางการค้า หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม สังคมสูงวัย ปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงวิกฤตระดับโลกด้านภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐกิจ เช่น การเจรจาภาษีไทย–สหรัฐฯ และ FTA ไทย–สหภาพยุโรป ตลอดจนความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นและคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างแท้จริง โดยต้องอาศัยผู้นำและผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามายกระดับสู่ระบบ e-Government ที่โปร่งใส เชื่อมโยง และให้บริการประชาชนอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งบูรณาการแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังย้ำว่า ความสำคัญของระบบราชการคือการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ หากฝ่ายการเมืองไม่สามารถสื่อสารเชื่อมโยงไปยังส่วนราชการได้ ภารกิจของรัฐก็ไม่อาจขับเคลื่อนได้สำเร็จ ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมหอการค้าไทยที่จัดรางวัล “สำเภา–นาวาทอง” ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐเร่งปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็ได้มีการปรับตัวโดยยึดสโลแกน “พาณิชย์พึ่งได้ แค่ทักก็ถึง แก้ปัญหาทุกเรื่อง” ซึ่งสะท้อนถึงการทำงานที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัลในปีนี้ โดยชี้ว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกระดับจำเป็นต้องมี Mindset ที่ถูกต้อง หาก “คนดี ระบบดี” ก็จะนำไปสู่การทำงานที่มีคุณภาพ เกิดจากการเรียนรู้ พัฒนา และสร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงตั้งแต่ ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ภาครัฐต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ เดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืนนายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจและการลงทุน (Ease of Doing Business และ Ease of Investment) เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ โดยในปีที่ผ่านมา หอการค้าฯ ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐ 22 แห่ง นำร่องเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อลดขั้นตอน ลดการเรียกเอกสาร และยกเลิกการเซ็นสำเนา ซึ่งสามารถลดกระบวนการได้กว่า 500 รายการ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ประกอบการทั้งนี้ รางวัล “สำเภา–นาวาทอง” ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเชิดชูเกียรติ แต่ยังเป็นแรงผลักดันที่กระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานของภาครัฐมีความ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการสนับสนุนการลงทุนและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ กล่าวเสริมว่า รางวัล “สำเภา-นาวาทอง” สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการทำงานเชิงรุกที่มองไปในอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในการประเมินผลอย่างเข้มข้น โดยยึดหลัก 3 ประการคือ Efficiency (ประสิทธิภาพ), Evolution (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล), และ Effectiveness (ผลสัมฤทธิ์) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าที่สุด สะท้อนแนวคิด “มุ่งอนาคต รุกนำการเปลี่ยนแปลง” (Proactive & Predictive) สำหรับปี 2568 รางวัล “สำเภา–นาวาทอง” แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลระดับกระทรวง, ระดับกรม, ระดับกระบวนงาน และระดับภูมิภาค โดยมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 39 หน่วยงาน โดยรางวัลระดับกระทรวงมี 6 รางวัลได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงานและกระทรวงพลังงาน ส่วนระดับกรมมี 13 รางวัลได้แก่ กรมการค้าต่างประเทศ กรมที่ดิน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กรมการขนส่งทางบก กรมการจัดหางาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานประกันสังคม กรมศุลกากรและสำนักพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลระดับกระบวนงาน 5 หน่วยงานและระดับภูมิภาคอีก 15 หน่วยงาน นับเป็นหลักฐานชัดเจนถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จของภาครัฐในการยกระดับคุณภาพการให้บริการ เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป.-513.-สำนักข่าวไทย