กรุงเทพฯ 19 พ.ค.-ประธานบอร์ด ตลท. ภูมิใจผลงาน 1 ปี ยกระดับ-สร้างเสถียรภาพตลาดทุน ชี้ซื้อหุ้นคืน ช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้น เผยศึกษาเพิ่มกระดานเทรด New Economy ดึงต่างชาติลงทุนในไทย ต้องการเพิ่ม บจ.- ควบรวมกิจการ บล.
ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงาน “Meet the Press” ถึงภารกิจประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับบทบาทสำคัญในการยกระดับและสร้างเสถียรภาพตลาดทุนไทย ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ครบ 1 ปี ไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยผลงานที่ภาคภูมิใจ คือการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนที่ SET Index อยู่ในระดับ 1,100 -1,200 จุด ราคาหุ้นไม่ได้ตกลงไปมาก ยังมีหุ้นที่อยูในระดับที่ดี สิ่งสำคัญที่จะต้องทำต่อไป คือการสร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ทั้งการเพิ่มบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงการเพิ่มกระดานเทรดใหม่ นอกเหนือจาก SET เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของภาพรวมบริษัทต่างประเทศ ซึ่ง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาระบุว่าจะทำอย่างไรที่จะดึงบริษัทต่างประเทศ บริษัทที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี และ สตาร์อัพ เข้ามาจดทะเบียนในประเทศไทย เพื่อสร้างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น และ อึกเรื่องสำคัญคือ ESG ที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ ให้ บจ. และคู่ค้า ให้มีความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนให้ทันกับกฏหมายทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีบริษัทอยู่ถึง 200,000 บริษัท อยู่ในระบบภาษี 100,000 บริษัท แต่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อยู่ราว 800 บริษัท จึงอยากเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อดึงดูดการลงทุน
สำหรับแนวคิด การแยกกระดานเทรดออกจาก SET ขณะนี้กำลังมีการศึกษากระดานเทรด New Economy หรือกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่
ทั้งนี้ ยังมองว่าจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ในปัจจุบัน 39 แห่ง มากเกินไป ควรมีการควบรวมกิจการ เพื่อให้ธุรกิจเกิดความเข้มแข็ง เพราะปัจจุบันพบว่าคนนิยมเทรดออนไลน์มากขึ้น บล.จึงอาจปรับบทบาทไปเน้นเรื่อง การวิจัย การให้คำแนะนำมากขึ้น มองว่า อาจต้องมีมาตรการจูงใจเพื่อเร่งให้เกิดการควบรวม ซึ่งทาง ก.ล.ต.เห็นด้วย
สำหรับการซื้อหุ้นคืน ( Treasury Stock) ทำให้หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนดีขึ้น ซึ่งในต่างประเทศทำกันบ่อย โดย 4 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-เมษายน) มีการซื้อหุ้นคืน 37 บริษัท มูลค่าการซื้อหุ้นคืนเทียบเท่าปี 2567 ทั้งปีแล้ว.-516.-สำนักข่าวไทย