กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – สศก. เผยทิศทางการค้าสินค้าเกษตรไทยยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนและตลาดโลก แม้เผชิญความท้าทายจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาและสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรไทย (พิกัดศุลกากร 01–24 รวมยางธรรมชาติ) ในปี 2567 มีมูลค่าการค้า 2.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 5.72 โดยเฉพาะการส่งออกที่มีมูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.28 สะท้อนถึงความสามารถของสินค้าเกษตรไทยในการรักษาตลาดและสร้างรายได้จากต่างประเทศ
ตลาดอาเซียนยังคงเป็นตลาดสำคัญอันดับหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23 ของมูลค่าการค้ารวม โดยไทยได้เปรียบดุลการค้าในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ปี 2567 มีมูลค่าดุลการค้าเกินดุล 229,687 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของภาคเกษตรไทยในยุคที่เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว น้ำตาล น้ำดื่มและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ขณะที่สินค้าเกษตรนำเข้าสำคัญส่วนใหญ่มาจากพืชอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด เต้าหู้และครีมเทียม
นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยไทยยังเกินดุลการค้ากับอาเซียนถึง 40,915 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าเกษตรไทยในระดับภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเผชิญแรงกดดันจากนโยบาย “Make America Great Again” ของสหรัฐอเมริกา ที่มีแนวโน้มเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าจากประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้า รวมถึงไทย ซึ่งอาจส่งผลให้สินค้าเกษตรไทยมีราคาสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และลดความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเปิดโอกาสให้ไทยเข้าไปแทนที่สินค้าเกษตรของจีนในบางตลาด แต่ก็ต้องเฝ้าระวังการระบายสินค้าจากจีนมายังไทยหรือตลาดคู่ค้าสำคัญอื่น ๆ ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย
สศก. แนะผู้ประกอบการไทยเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล และมุ่งหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศมหาอำนาจ พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน. – 512-สำนักข่าวไทย