กรมชลประทาน 15 ต.ค.-กรมชลประทานยังปิดการระบายน้ำของ 2
เขื่อนใหญ่คือ เขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ เพื่อกักเก็บน้ำช่วงปลายฤดูฝน พร้อมทดระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ไหลมาจากจังหวัดนครสวรรค์และใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรับน้ำเข้าไปลดผลกระทบพื้นที่ด้านล่าง
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน
ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา หลังจากที่ได้ทยอยเพิ่มการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา
พบว่าวันนี้(15 ต.ค. ) ปริมาณน้ำทางตอนบนที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์
มีน้ำไหลผ่าน 2,804 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.48 เมตร
เพิ่มขึ้นจากวานนี้(14 ต.ค.) 8 เซนติเมตร เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์
ยังงดการระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงปลายฤดูฝนให้ได้มากที่สุด
ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อน 2,616 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวานนี้(14 ต.ค.) ถึง 06.00 น. วันนี้(15 ต.ค.)
บริเวณจังหวัดสิงห์บุรี และอ่างทอง เพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร
ส่วนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำบริเวรบ้านป้อม จ.พระนครศรีอยุธยา
เพิ่มขึ้น 4 เซนติเมตร ที่บริเวณบ้านบางหลวงโดด เพิ่มขึ้น 6 เซนติเมตร และบริเวณอำเภอบางบาล
เพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำ
เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ตอนล่าง
โดยการทดระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ไหลมาจากจังหวัดนครสวรรค์
เพื่อชะลอน้ำไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม
พร้อมกับใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรับน้ำเข้าไปอย่างเต็มศักยภาพ
ปัจจุบันรับน้ำเข้าไปรวมกันวันละ 530 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
และใช้พื้นที่ลุ่มต่ำทั้งสองฝั่งรับน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งต่างๆ รวม 12 ทุ่ง
ช่วยบรรเทาและลดยอดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านลงสู่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้มากกว่า
1,156 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 340 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ ปัจจุบัน(15
ต.ค.)มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 57,036 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 81
ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ 33,509 ล้านลูกบาศก์เมตร
คิดเป็นร้อยละ 47 สามารถรองรับน้ำได้อีก 14,195 ล้านลูกบาศก์เมตร
เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 19,111 ล้านลูกบาศก์เมตร
คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้ 12,415 ล้านลูกบาศก์เมตร
คิดเป็นร้อยละ 68 สามารถรองรับปริมาณน้ำได้รวมกันอีกกว่า 5,765 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะเดียวกัน กรมชลประทานได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำฝนที่จะเพิ่มขึ้นจากพายุขนุนตั้งแต่ก่อตัวขึ้นแล้ว
ทั้งการระบายน้ำในลำน้ำชี ลำน้ำมูล รวมถึงลำน้ำสาขา
อีกทั้งได้เสริมคันกั้นน้ำบริเวณที่ตลิ่งต่ำให้รองรับน้ำได้มากขึ้น ซึ่งพายุไต้ฝุ่นขนุนนี้
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า เมื่อขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนาม
แล้วเข้าสู่ลาวจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยจะได้รับอิทธิพลจากขอบของพายุจึงไม่น่าห่วง
โดยจะส่งผลให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นในจังหวัดที่ติดกับชายแดนลาวได้แก่ หนองคาย นครพนม
มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี คาดว่า ลำน้ำต่างๆ
ที่พร่องน้ำไว้ล่วงหน้าจะรับสถานการณ์ฝนได้ สำหรับที่อำเภอวารินชำราบ
จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นทางผ่านของท้ายลำน้ำมูล แต่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ
ชลประทานพื้นที่ได้นำเครื่องสูบน้ำเข้าไปเตรียมไว้ หากฝนตกลงมาและท่วมขังในพื้นที่-สำนักข่าวไทย
