นนทบุรี 3 เม.ย. – “พิชัย” ยอมรับค่อนข้างตกใจกับการเก็บภาษีสินค้าไทย 36% ของสหรัฐ ตั้งปลัดพาณิชย์ เป็นประธานเจรจานโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ
หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในสหรัฐทุกประเภท 10% และจะเก็บภาษีเพิ่มเติมกับหลายประเทศ รวมถึงประเทศคู่ค้าสำคัญอีกด้วย โดยการประกาศในครั้งนี้สร้างความตึงเครียดว่าจะเกิดสงครามการค้าขึ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและประเทศพันธมิตรเองด้วย สำหรับไทย สหรัฐจะดำเนินการเก็บภาษีสินค้าไทย 37% ซึ่งไทยเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากมาตรการภาษีเป็นอันดับ 14 ในขณะที่จะเก็บภาษีตอบโต้เพิ่มเติมกับคู่ค้าของสหรัฐฯ บางประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนที่ถูกเรียกเก็บ 34%, อินเดีย 26%, เกาหลีใต้ 25%, ญี่ปุ่น 24% และสหภาพยุโรป (EU) 20% ส่วนประเทศในอาเซียนถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ถ้วนหน้าเช่นกัน นำโดยกัมพูชา 49%, ลาว 48% เวียดนาม 46%, เมียนมา 44%, ไทย 36%, อินโดนีเซีย 32%, บรูไน 24%, มาเลเซีย 24% ฟิลิปปินส์ 17% และสิงคโปร์ 10%
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงเรื่องผลกระทบว่า ค่อนข้างจะตกใจเพราะเป็นการเก็บภาษีที่ค่อนข้างเยอะ โดยนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะทำงานโดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้เมื่อคืนได้ติดต่อไปที่สหรัฐ ว่า จะให้เราไปเจรจาอย่างไรเพื่อหาทางแก้ไข และยังไม่ทราบว่าจีดีพีปี 2568 จะเป็นอย่างไร จะได้รับผลกระทบหรือไม่ เพราะมีการประเมินจีดีพีปีนี้ไว้ 2.3-3.3%

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 2567 มีสินค้าหลัก 15 รายการเช่น ข้าว ยางพารา เซมิคอนดักเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้าและอื่น ๆ ที่ส่งออกไปสหรัฐ โดยมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐทั้งหมด 54,766 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหลังจากนี้ไปจะติดต่อเพื่อหาทางเจรจา หากไม่เป็นผล เราก็ต้องใช้มาตรการต่อไป คือ ต้องปรับลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐ แต่เบื้องต้นจะใช้การเจรจาก่อนและพร้อมเดินทางไปสหรัฐทันที.-513-สำนักข่าวไทย