ปตท.สผ. เตรียมลงทุนปี 68 อีก 2.61 แสนล้านบาท

กรุงเทพฯ 31 ม.ค.- ปตท.สผ. เตรียมลงทุนปีนี้ 2.61 แสนล้านบาท มุ่งเพิ่มการผลิตและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในไทย รองรับการใช้พลังงานและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เผยปี 2567 ประสบความสำเร็จเพิ่มกำลังผลิตก๊าซฯ G1/61 และขยายการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอลจีเรีย ตามแผน นำส่งรายได้ให้รัฐเพื่อการพัฒนาประเทศไทยกว่า 50,450 ล้านบาท


นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าสำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลมีรายได้รวม 327,415 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78,824 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,227 ล้านดอลลาร์ สรอ.)

โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมจากโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานปี 2568 รองรับความต้องการการใช้พลังงานในประเทศต่อไป และคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ที่ 9.625 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิที่ร้อยละ 49 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 38,211 ล้านบาท ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 4.50 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ส่วนที่เหลืออีก 5.125 บาทต่อหุ้น จะจ่ายในวันที่ 22 เมษายน 2568 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2568 ซึ่งส่วนหนึ่งของเงินปันผลดังกล่าว จะถูกนำส่งให้กระทรวงการคลังผ่านการถือหุ้นในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ปตท.สผ. เพื่อการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน


ในปี 2567 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวน 50,450 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับปี 2568 ปตท.สผ. ได้ตั้งประมาณการดำเนินงานปี 2568 ไว้ที่ 261,940 ล้านบาท (เทียบเท่า 7,819 ล้านดอลลาร์ สรอ.) โดยจะมีการรักษาและการเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยจากโครงการ G1/61 โครงการ G2/61 โครงการอาทิตย์ โครงการเอส 1 โครงการคอนแทร็ค 4 และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเร่งพัฒนากลุ่มโครงการสำรวจในประเทศมาเลเซีย (Malaysia Greenfields) โครงการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโมซัมบิก ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน ไปพร้อมกับแผนงานเร่งการสำรวจในประเทศไทย และมาเลเซีย รวมถึงการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังได้สำรองงบประมาณสำหรับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เช่น พลังงานลมนอกชายฝั่ง และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว

ทั้งนี้ปี 2567 ปตท.สผ.สามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ขึ้นมาสู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และยังคงรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่อง สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยมีแผนจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา จากหน่วยงานรัฐของอาบูดาบีแล้ว โดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในปีนี้


ปตท.สผ. ยังได้เข้าซื้อหุ้นทุน (Share Capital) ในสัดส่วนร้อยละ 34 ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการทูอัท (Touat Project) ที่ร้อยละ 22.1 โครงการนี้เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศแอลจีเรีย มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะสามารถเพิ่มรายได้ ปริมาณการขาย และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัทได้ทันทีเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น

ด้านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalX ซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Solutions) เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) ที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลของห่วงโซ่ธุรกิจอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้ง บริษัทยังได้เริ่มพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (Data Foundation) ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งองค์กร โดยมีมาตรฐานเดียวกัน พร้อมกับได้พัฒนา X.brain ซึ่งเป็น AI Engine ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของบุคลากรให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกระดับชั้นภายในองค์กรให้มีความพร้อมและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ (Digital Citizens) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และลดระยะเวลาการทำงานลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในด้านการดำเนินงานเพื่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น ปตท.สผ. สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมตั้งแต่ปี 2563 ได้ประมาณ 4.08 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ผ่านการจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ เช่น การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการคัดเลือกโครงการที่มีความเข้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำเข้ามาใน Portfolio เป็นต้น รวมทั้ง ยังได้ร่วมฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่ป่า 200,000 ไร่ ภายในปี 2573 เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ตร.เข้มปราบแข่งรถบนทางด่วน เร่งสอบเหตุรถชน 11 คัน

17 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำปราบปรามแข่งรถในทางอย่างเข้มงวด กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน 11 คัน บนทางด่วนศรีรัช–อุดรรัถยา เร่งตรวจสอบ พบความผิดใด ดำเนินคดีทุกกรณี วันนี้ (17 สิงหาคม 2568) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน บนทางด่วนศรีรัช – อุดรรัถยา ขาออก มุ่งหน้า จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยการทางพิเศษเร่งเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เสียหายรวมทั้งสิ้น 11 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทั้งหมด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการขับรถด้วยความประมาท […]

สัปดาห์หน้าถกคดี “หมอบี” รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หนี

17 ส.ค.- กองปราบเตรียมประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” สัปดาห์หน้า รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติการณ์ของนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อโกง กรณีเปิดรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะมีการเรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปติดตามในพื้นที่ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเทียบเคียงและพิจารณาว่า พฤติการณ์ของนายเสกสันน์ เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือ สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก คงเหลือพยานหลักฐานบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลบหนีไปนั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครหลบหนี มีรายงานข่าวว่า กรณีดังกล่าวหากนายเสกสันน์ หรือผู้เกี่ยวข้องมีการหลบหนีจริง ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ถูกดำเนินคดี รวมถึงไม่ถือเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ทำให้ตำรวจไม่สามารถขออายัด หรือมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันคณะทำงาน โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปราม อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับในกรณีที่พบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด.-419-สำนักข่าวไทย

เตือนฝนฟ้าคะนองทั่วไทย – 6 จังหวัดตะวันออกหนักสุด

กทม. 17 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยฝนฟ้าคะนองทั่วไทย เตือน 6 จังหวัดภาคตะวันออก แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 17 ส.ค. นี้ไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย