ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาสม3/67 ที่ 5,230 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – ทีเอ็มบีธนชาต รายงานไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิที่ 5,230 ล้านบาท จากการบริหารจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับรายได้ ตั้งสำรองลดลง รวมกำไรสุทธิรอบ 9 เดือน ที่ 15,919 ล้านบาท สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับต่ำที่ 2.7% เดินหน้าดูแลลูกค้าต่อเนื่องตามแนวทางแก้หนี้อย่างยั่งยืนและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม รวมทั้งออกมาตรการตั้งหลักช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม


ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน ปี 2567 โดยธนาคารและบริษัทย่อยยังคงมีผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย และรายงานกำไรสุทธิที่ 5,230 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2567 ปัจจัยหนุนหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับรายได้ และจากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้รอบ 9 เดือน ปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,919 ล้านบาท

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ยังคงมีความท้าทาย และสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่ต่างไปจากช่วงครึ่งปีแรก ธนาคารจึงยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนให้สอดคล้องกับด้านรายได้ ควบคู่ไปกับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบเพื่อควบคุมต้นทุนความเสี่ยงและบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำ ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือการเร่งออก “มาตรการตั้งหลัก” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย


ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการด้านต้นทุนใน 3 ส่วนหลักได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน และต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ด้านต้นทุนทางการเงิน ธนาคารได้ดำเนินการบริหารพอร์ตสินทรัพย์และหนี้สินในเชิงรุกผ่านหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างสินเชื่อให้มีความเหมาะสม การเติบโตเงินฝากให้สมดุลกับแนวโน้มด้านสินเชื่อ รวมถึงการปรับกลยุทธ์พอร์ตเงินลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนและให้ได้รับประโยชน์ทิศทางดอกเบี้ยในตลาดเงิน

ส่วนต้นทุนการดำเนินงาน ธนาคารยังเน้นย้ำการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย เน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และการยกระดับการให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นยังคงเดินหน้าพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลและเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ในโมบายแอปพลิเคชัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งเป็นผลดีต่อโครงสร้างต้นทุนการให้บริการ ส่งผลให้สามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย

สำหรับการบริหารต้นทุนความเสี่ยง ธนาคารยังคงเน้นย้ำการเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ ด้วยการต่อยอดแนวคิด Ecosystem Play ผนวกกับจุดแข็งจากความชำนาญและความเป็นผู้นำตลาด ในการนำเสนอสินเชื่อให้กับกลุ่มคนมีบ้าน กลุ่มคนมีรถ และกลุ่มพนักงานเงินเดือน ซึ่งธนาคารเข้าใจความต้องการและความเสี่ยงของลูกค้าเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาสภาพคล่องได้ทันท่วงที โดยธนาคารมีแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับปัญหาของลูกค้า ประกอบกับการแก้ปัญหาหนี้เสียในเชิงรุก ทำให้ภาพรวมด้านคุณภาพสินทรัพย์เป็นไปตามในเกณฑ์ ธนาคารจึงสามารถควบคุมต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ได้ตามแผนที่วางไว้


ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าดูแลลูกค้าตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาครัฐ โดยมีโครงการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ในระยะยาว โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการนี้กว่า 31,000 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 17,000 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารสามารถช่วยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวลดภาระดอกเบี้ยได้กว่า 1,900 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน ปี 2567 มีดังนี้
สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,253 พันล้านบาท ชะลอลง 5.7% จากสิ้นปี 2566 (YTD) เป็นไปตามแนวทางการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ โดยสินเชื่อกลุ่มเป้าหมายยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน (+10% YTD) สินเชื่อรถแลกเงิน (+6% YTD) และสินเชื่อบุคคล (+9% YTD) ทั้งนี้ การลดลงของสินเชื่อรวมมีสาเหตุหลักจากการชำระคืนหนี้ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ การชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดรถยนต์ที่ยังคงซบเซาและการบริหารหนี้เสียเชิงรุกผ่านการขายและตัดหนี้สูญ (Write off) ทำให้ยอดหนี้เสียลดลง 2% YTD

ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,296 พันล้านบาท ลดลง 6.5% YTD เป็นไปตามแผนบริหารสภาพคล่องและเพื่อให้สมดุลกับแนวโน้มการเติบโตสินเชื่อใหม่ที่ยังคงชะลอตัว เงินฝากที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเงินฝากต้นทุนสูง ขณะที่เงินฝากจากลูกค้ารายย่อยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง เช่น เงินฝาก ttb all free ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมและประกันอุบัติเหตุ ทั้งนี้ แม้เงินฝากลดลงแต่สภาพคล่องของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จากอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) ที่อยู่ที่ 97% ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารได้ขยายเงินฝากกว่า 4.3% ตั้งแต่ในไตรมาส 4 ปี 2566 เพื่อเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับการดำเนินงานในปี 2567 ทำให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารต้นทุนทางการเงินเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 17,225 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,295 ล้านบาท ส่งผลให้ในรอบ 9 เดือน ปี 2567 มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 52,266 ล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 22,075 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

ด้านการบริหารจัดการหนี้เสีย ธนาคารเน้นจากการบริหารกระบวนการลดหนี้เสียผ่านการขายและการ Write off อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 40,224 ล้านบาท ลดลง 2% YTD หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ที่ 2.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ด้านอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 149% เป็นไปตามเป้าหมาย

จากภาพรวมด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เป็นไปตามเกณฑ์ควบคุม ทำให้ด้านค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ มีจำนวน 4,764 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ลดลง 10% จากไตรมาสก่อนหน้า รวม 9 เดือน ปี 2567 ดำเนินการตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้น 15,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรอบ 9 เดือน ปี 2566 เพราะตั้งแต่ต้นปีธนาคารได้ตั้งสำรองฯ Management Overlay เพิ่มเติมจากการตั้งสำรองฯ จากการดำเนินงานปกติ (Normal Provision) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หลังจากหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน ปี 2567 ที่ 5,230 ล้านบาท และ 15,919 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ฐานะเงินกองทุน ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) อยู่ที่ 19.7% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) อยู่ที่ 17.3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว ในภาพรวมระดับเงินกองทุนยังถือว่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 12.0% สำหรับ CAR และ 9.5% สำหรับ Tier 1

“สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารยังเน้นย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดีด้วยสถานะทางการเงินในปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติ จึงเชื่อมั่นว่าทีทีบีมีความพร้อมที่จะรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ และสามารถสานต่อพันธกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายปิติ กล่าว. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เติมน้ำมันไม่จ่าย

แท็กซี่เติมน้ำมันไม่จ่าย ซิ่งหนีพุ่งชนรถ 5 คันรวด

ตำรวจชัยภูมิ ไล่ล่าแท็กซี่เติมน้ำมัน แล้วซิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน แถมยังขับพุ่งชนรถตำรวจ รถเก๋งและรถ 6 ล้อ รวม 5 คันรวด

ขับรถชนคน

คนร้ายขับรถชนกลุ่มคนในตลาดคริสต์มาสเยอรมนี ดับ 2 ราย

คนร้ายขับรถยนต์พุ่งเข้าชนกลุ่มคนจำนวนมากที่จับจ่ายซื้อของและเที่ยวชมตลาดคริสต์มาสในเยอรมนีในช่วงเย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น

นักการเมืองแห่งปี

“แพทองธาร” ปลื้ม นอร์ทโพล ประชาชนให้เป็น “นักการเมืองแห่งปี”

“แพทองธาร” นายกฯ ปลื้ม นอร์ทโพล เผยประชาชนยกให้เป็น “นักการเมืองแห่งปี” รับกดดัน แต่ขอทำงานเต็มที่-ไม่สร้างดราม่า ชี้ ครม.ทุกคนทำงานหนัก หากช่วยกันจะพัฒนาประเทศ