รุงเทพฯ 23 ส.ค.-KSS เชื่อ SET มีโอกาสตอบรับทางบวกต่อวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ หาก ครม. นำปรับใช้ เชื่อว่าจะหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นกว่าปัจจุบัน
นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บล. กรุงศรี ( KSS) คาด หุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวขึ้น แนว ต้าน 1350/1360 จุด รับ 1332/1327 จุด ขานรับนโยบายนายทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงวิสัยทัศน์ Vision for Thailand 2024 สร้าง ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ขาดหายไป น่าจะมีความคาดหวังเชิงบวกมากขึ้น จากการให้วิสัยทัศน์คุณทักษิณ ฉายแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบด้าน ในระยะสั้น กลาง และยาว โดยแนวทางนโยบายหลัก ที่น่าจะเร่งขับเคลื่อน คือ Digital Wallet(ปรับรูปแบบบางส่วน), การแก้หนี้ครัวเรือน Entertainment Complex, Data Center จะเป็นตัวแปรหนุนเศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัวเร่งขึ้น หนุน SET ฟื้นตัวต่อ หุ้นนำ คือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางนโยบายหลัก อาทิ ค้าปลีก เช่าซื้อ ธนาคาร ท่องเที่ยว/บริการ และกระแส Data Center
“แนวนโยบายที่จะทำได้ไว คือ มาตรการหนุนการบริโภค หนุนลดค่าธรรมเนียม FIDF ที่เก็บจาก ธ.พ. บวกต่อ ค้าปลีก เช่าซื้อ ธนาคาร มาตรการระยะกลาง คือ การต่อยอดภาคบริการ Soft-power, Entertainment Complex, Data Center Trends ขณะที่วายุภักษ์ คือมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน” นายกรภัทร ระบุ
ทั้งนี้ KSS Strategist : สรุปงาน Vision for Thailand ของนายทักษิณ มีประเด็นสำคัญดังนี้
-ลดหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ด้วยแนวทางลดหนี้สิน, ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ลดอัตราเงินนำส่งกองทุนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินค่าธรรมเนียม (FIDF) ที่เก็บจากธนาคาร และให้ธนาคารพาณิชย์นำสภาพคล่องไปปล่อยกู้เพิ่มสภาพคล่องบริหารหนี้ครัวเรือนหรือแก้ปัญหาด้วยมิติอื่นๆ ,ให้ธนาคารหรือ บริษัทบริหารหนี้บริหารจัดการหนี้ให้ลูกหนี้ปลดโซ่ตรวนมีสภาพคล่องหมุนเศรษฐกิจต่อ
ด้านการเร่งขยาย GDP ผลักดัน เศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดินปัจจุบันที่มีราว 50% ของเศรษฐกิจบนดิน หลักๆ โดยการพนันจะ ปราบปรามเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตน ส่วนที่เหลือดึงเข้าสู่ระบบเก็บภาษีรายได้ ,ด้านยาเสพติด เร่งบำบัดเปลี่ยนกลายเป็นแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ส่วนเศรษฐกิจบนดิน เดินหน้าDigital Wallet มองประโยชน์หลายด้านของนโยบาย แต่ด้วยข้อจำกัด คาดแจกเป็นเงินสดก่อน ก.ย. 24 (ในช่วงแรก จะใช้งบปี 67 เพิ่มเติม 1.22 แสนกว่าล้าน บวกกับงบกลาง 2.3 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.45 แสนล้าน เพื่อโอน 1 หมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการ 14.5 ล้านคน เริ่มใช้จ่ายเป็นเงินสดทันทีผ่านบัตรสวัสดิการฯ ในเดือน ก.ย. นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นปลายปี จากนั้น งบปี 68 จะเริ่มใช้เงินดิจิทัล เต็มรูปแบบจากผู้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไว้กว่า 30 ล้านคน)
สร้างอุตสาหกรรม S Curve ใหม่ ผลัดดัน ผลิตดาวเทียมวงโคจรต่ำ ทำสถานีส่งดาวเทียมสู่อวกาศ, ส่งเสริม AI ไทยมีจุดเด่นพื้นฐานเรื่อง Data Center (ยกข้อจำกัดพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าใช้เองสร้างเองได้) ,ส่งเสริม Soft Power มองมวยยกระดับได้เร็ว อื่นๆ E-Sport เร่งสร้าง Demand ให้อุตสาหกรรมเติบโต, อาหาร ผลักดันธนาคารปล่อยกู้คนไทยในต่างประเทศ ส่งเสริมเป็นวงกว้าง, ศิลปะ ขาย/เก็บสร้างมูลค่าผ่าน NFT ทั่วโลก, แฟชั่น เน้นใช้ทรัพยากรที่เรามี ความสวยของผู้หญิงไทย (ต่อยอดคล้ายบราซิล)
ผลักดันไทยเป็น Financial Hub ดึงสถาบันการเงินต่างประเทศเข้าไทย เน้นให้ทำธุรกรรมเฉพาะต่างประเทศ , ดึงบุคลากรต่างประเทศ ที่อยู่อาศัยเช่า 99 ปีจูงใจ (ครบ 99 ปีคืนรัฐฯ) ที่ดินอาจจะแพงขึ้น แต่เงินที่ได้เอาไปสนับสนุนที่ดินให้กับคนไทยอยู่อาศัย,ยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่ดีให้เด่นขึ้น คือ ท่องเที่ยว ด้วย Entertainment Complex (กทม. 2 แห่ง ลงทุนแห่งละ 1 แสนล้านบาท, ต่างจังหวัดที่ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ต้องสร้างจุดดึงดูด Entertainment Complex ที่ละ 5 หมื่นล้านบาท เน้นลงทุนสูงมี Impact มากพอ, ปรับปรุงห้องน้ำ+แหล่งท่องเที่ยวให้เหมือนสากล, แก้กฎหมายเอื้อ Private Jet ดึงเม็ดเงินคนรวย) , โครงสร้างพื้นฐานรองรับการเดินทางต้องเร็ว มองกรณีการลงทุน Runway ที่ 3 สุวรรณภูมิ ลงทุนช้าไป ด้านการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่ล้าหลัง จะพัฒนายานยนต์ Ecosystem ซัพพลายเชนรถยนต์ที่มีอยู่แล้ว พยุงไม่ให้พัง พยายามดึงยานยนต์อนาคต EV มาลงทุนเพิ่มขึ้น,ด้านการ เกษตร ต้องใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้าที่มีโอกาสขายได้แพง สุดท้ายนำมาสู่ค่าแรงในประเทศเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียน + ใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต
ด้าน SME ที่เน้นกลยุทธ์ Volume สินค้าไม่มีความแตกต่าง ต้องพัฒนา ส่วนกลุ่มที่ไปไม่ไหว หามาตรการปกป้องสร้างความแข็งแกร่งปรับตัวในระยะสั้น ส่วน มาตรการฝั่งตลาดทุน เร่งแก้ปัญหาความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาลสำคัญ ต้องมีกลไกกำกับ ส่วนกรณีปัญหาต้องมีแนวทางแก้ไข รวดเร็ว ฉับไว จะฟื้นความเชื่อมั่น ,เดินหน้ากองทุนวายุภักษ์ มองเป็นไอเดียคล้ายกับ Treasury Stock ในช่วงที่ตลาดขาดความเชื่อมั่น, สนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ให้ขยายตัวไปในเวทีโลก เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ไทยต้องปรับตัวตาม กระแสของโลกให้อยู่รอด ทั้งเรื่อง Green Energy บริหารประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีใหม่ๆ , Trade War ต้องบริหารความเสี่ยงในประเทศที่เราเกินดุลการค้า วาง Supply Chain ว่าไทยอยู่ตรงไหน ปรับปรุงสินค้าเกษตรไทยให้มีความโดดเด่น, แตกต่างในระดับโลก ส่วนประเทศที่เรามีข้อเสียเปรียบ ต้องบริหารตามแนวทางโลกปัจจุบัน ที่มีมาตรการป้องกัน Protectionism (เน้นสินค้าจีน), ปรับปรุงความล้าหลังระบบราชการ ใช้เทคโนโลยีทดแทน ลดบุคลากรระยะกลาง-ยาว เพิ่มประสิทธิการใช้งบประมาณ,
ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เดินหน้านโยบาย รถไฟฟ้าปัจจุบัน 20 บาทตลอดสาย เวนคืนเอกชน (ใช้เม็ดเงินจากการตั้ง Infrastructure Fund) ส่วนรายได้กองทุน มาพร้อมกับผลักดันเปลี่ยนแปลงนิสัยประชาชน เก็บค่าธรรมเนียม Congestion Fee ส่วนเอกชนที่รับสัมปทาน ก็จ้างมาเดินรถ ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาท้องถนน เอาเวลาไปสร้างโอกาสอื่นๆ โครงการLand bridge ภาพรวมได้รับความสนใจสูงจากต่างชาติ แต่มีแนวคิดปรับจากพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง มาทำฝั่งอันดามันก่อน ดึงสินค้ายุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง ไปจีนผ่านรถไฟความเร็วสูง เร่งทำเพิ่มเติมเชื่อมต่อ สายที่อยู่ในแผนการลงทุนปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยแก้ไขปัญหาถาวร ชายทะเลที่มีปัญหากัดเสาะ บางขุนเทียน ปากน้ำ มองถมทะเลทั้งการแก้ปัญหาและสร้างโอกาส พร้อมเดินหน้าพุดคุยกับกัมพูชาร่วมพัฒนา ทรัพยากร – พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลร่วมกัน นำทรัพยากรขึ้นมาใช้ ช่วยลดต้นทุนพลังงาน ค่าไฟฟ้า ลดภาระประชาชน.-511.-สำนักข่าวไทย