ธปท.แนะวิธีแก้หนี้เกษตรอีสานอย่างไรให้ยั่งยืน

ขอนแก่น 9 ก.ค.- ผู้ว่าการ ธปท. แนะวิธีแก้หนี้เกษตรอีสาน อย่างไรให้ยั่งยืนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกันป้องกันไม่ให้การก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับลดหนี้เก่าแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงค่าครองชีพสูง แต่รายได้ต่ำกว่ารายจ่าย หากไม่เร่งแก้ทั้งระบบปัญหาหนี้ทุกภาคจะไม่ลดลง โดยเฉพาะหนี้เกษตรกรอีสานน่าห่วง


ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาประจำปี 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหัวข้อ “แก้หนี้เกษตรอีสาน อย่างไรให้ยั่งยืน” ว่า โดยหนี้เกษตรกรภาคอีสานถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะภาคอีสานเป็นพื้นที่เพาะปลูกด้านการเกษตรเพียงปีละ 1-2 ครั้ง และเป็นครัวเรือนที่พึ่งพาแหล่งเงินช่วยเหลือในช่องทางต่างๆ มากพอควร ดังนั้น หากจะแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้ต่ำลงทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือวางแนวทางให้สอดคล้องกัน เพราะหากดูสัดส่วนหนี้ของไทยมีมากถึง 91% ของจีดีพี ถือว่ามากพอควรและยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการลดหนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ค่าครองชีพในด้านต่างๆ ทั้งอาหาร สินค้าและอื่น ๆ มีแต่สูงขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อไม่ได้สูงเท่าที่ควร แต่ค่าครองชีพกลับไม่ได้ลดลง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของภาคครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม ธปท.แม้จะไม่ใช่หน่วยงานหลักในการแก้ไขหนี้ แต่ที่ผ่านมาพยายามดูการให้สินเชื่อใหม่เข้าสู่ระบบให้ได้เต็มที่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอสเอ็มอีตั้งแต่จากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ แต่ยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นที่ตัวขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบธุรกิจของสถาบันการเงินขณะนี้อย่างเข้าไม่ได้เต็มที่ แต่ ธปท.ต้องขอขอบคุณกระทรวงการคลังที่เข้ามาช่วยเหลือให้สถาบันการเงินของรัฐบางแห่งเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อใหม่ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปได้


Screenshot

นอกจากนี้ การแก้ไขสัดส่วนหนี้ทั้งระบบที่มีอยู่ในบางประเทศสามารถลดหนี้ลงมาได้ แต่ของไทยหากจะลดหนี้จะต้องปรับรายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่าย แม้สัดส่วนหนี้ของไทยจะมีมากถึง 91 % ของจีดีพี หากรายได้กลับมาโตอย่างยั่งยืนก็เชื่อว่าสัดส่วนหนี้ของไทยจะลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่สิ่งที่น่าห่วงหนี้ภาคครัวเรือนโดยเฉพาะภาคอีสานนั้นถือว่ามีมากพอสมควร โดยเห็นได้ชัด 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อคนจากการทำงานอยู่ที่ 12,000 บาท แต่รายจ่ายต่อคนอยู่ที่ 15,000 บาทจนถึงขณะนี้รายจ่ายห่กจากรายได้มากกว่า 5,000 บาทขึ้นไป ทำให้ครัวเรือนภาคอีสานมีหนี้มากกว่ารายได้ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก แม้หลายฝ่ายพยายามแก้หนี้ค้างเก่าได้ แต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ดังนั้น หนทางแก้ไขหนี้จะต้องทำให้รายจ่ายและรายได้สอดคล้องกันและจะต้องทำให้ครบวงจร

“ธปท.มองว่าการแก้ไขหนี้ทั้งระบบจะต้องดูไม่ให้ค่าครองชีพและเงินเฟ้อสูงเกินไป โดย 3 แนวทางการเงิน สู่ความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน 1.ดูแลรายจ่าย ดูแลเสถียรภาพราคา ไม่ให้เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงเกินไป 2.ดูแลให้รายได้โตอย่างยั่งยืน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและสร้างโอกาส และ 3.แก้ปัญหาหนี้สิน มาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม จึงต้องให้ความสำคัญกับทุกด้าน ไม่ใช่แค่การแก้หนี้เพียงอย่างเดียว โดยครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากสุดจะอยู่ที่ครัวเรือนรากหญ้า เพราะไม่มีสินทรัพย์เพียงพอ ดังนั้น การแก้ไขหนี้จะต้องทำทุกด้านให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะขอความร่วมมือกับสถาบันการเงินให้ช่วยผ่อนผันหนี้และปล่อยสินเชื่อใหม่ให้เอสเอ็มอี แต่จะเป็นมาตรการระยะสั้นๆเท่านั้น ดังนั้น จะต้องแก้ไขในด้านโครงสร้างทั้งระบบให้มีความเข้มแข็ง ” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า จากตัวเลขรายได้ของเกษตรกรภาคอีสานต่อครัวเรือนจะอยู่ที่ 160,000-180,000 บาทต่อปี หรือต่อเดือนเฉลี่ยต่ำกว่า 10,000 บาท แต่หากดูรายจ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นจะสูงกว่ารายได้ค่อนข้างมาก ทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนของภาคอีสานจึงมีมากกว่าภาคภาคอื่น และที่สำคัญรายจ่ายของภาคครัวเรือนส่วนใหญ่ไปเน้นจ่ายไปที่จ่ายเงินกู้ที่ยืมมาทั้งในระบบและนอกระบบ จ่ายจากการเสี่ยงโชคหรือการเล่นหวย จ่ายในการเล่นแชร์และจ่ายอื่นๆ ขณะที่รายได้ของครัวเรือนภาคอีสานจะมาจากการเพาะปลูกข้าวหรือรอแหล่งเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการบางปีได้มากบางปีได้น้อย ไม่เพียงพอต่อการครองชีพและไม่สอดคล้องควรให้แหล่งเงินเข้ามาเสริมด้านโครงสร้างการผลิตเพื่อให้ภาคครัวเรือนมีรายได้กลับมาอย่างยั่งยืน ดังนั้น หากจะให้หนี้ครัวเรือนอีสานลดลงจะต้องกลับมาพัฒนาโครงสร้างในด้านต่างๆให้สอดคล้องกับภาคอีสานอย่างแท้จริง


ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป่วย อิ้งภากรณ์กล่าวว่า หนี้เกษตรกรภาคอีสานปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะภาคอีสานเท่านั้น โดยหนี้เกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 90 % มีหนี้กันทั้งสิ้น จากข้อมูล ธกส หนี้เกษตรกรค่าเฉลี่ยโตเร็วต่อรายเกิน 500,000 บาท แม้จะลดลง แต่ก็ก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นไม่ค่อยลดลง และจะติดกับดักหนี้ทำให้เข้าถึงสินเชื่อลำบากขึ้นจนต้องไปหาแหล่เงินกู้นอกระบบแทนและสิ่งที่เป็นปัญหาอีกด้านหนึ่ง คือ ระบบข้อมูลฐานรากของแต่ละหน่วยงานปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงของเกษตรกรแต่ละรายที่ก่อหนี้ไว้มีทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่เกิดขึ้นจนกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่ไม่สามารถจะชำระหนี้เหล่านี้ได้หมดหรือจ่ายก็จ่ายเพียงดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม หากจะให้แก้หนี้ให้กลับมายั่งยืนได้ทุกฝ่ายทั้งธนาคารรัฐ เกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาวางระบบให้เป็นระบบเดียวกัน เพราะแนวทางการพักหนี้ถือว่าไม่ใช่เป็นการแก้หนี้ระยะยาว หากดูในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาภาครัฐใช้นโยบายพักหนี้เกษตกรต่อเนื่อง แต่ผลที่ได้เกษตรกรส่วนใหญ่หนี้ไม่ได้ลดลงแต่กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้น

นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ โค้ชหนุ่ม Money Coach กล่าวว่า แนวทางการพักชำระหนี้แม้ดูจะเป็นเรื่องดี แต่หนี้จะไม่ลดลงและเป็นภาระเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่แน่นอนและไม่เพียงพอต่อคนในครอบครัวและยังไม่เข้าใจหลังลดหนี้บ้างแล้วควรจัดระบบการใช้จ่ายต่อครัวเรือนอย่างถูกต้องได้อย่างไรและควรวางแผนการใช้เงินอย่างถูกต้อง เพราะเกษตรกรมักจะได้เงินมาเป็นก้อนใหญ่ แต่เวลาใช้จ่ายออกไปแทนที่จะทยอยการใช้เงินในแต่ละเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะใช้ที่เดียวหมดทำให้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ยืมได้ จึงเป็นหนี้ที่ไม่ลดลง

นายพสธร หมุยเฮบัว เกษตรกร ผู้ใหญ่บ้านโนนสำราญ นักพัฒนากล่าวว่า มีหนี้กับธนาคารของรัฐ กู้ทำนา ผ่อนจ่าย 10 ปี แต่จ่ายแล้ว 3 ปี โดยตนเป็นนักพัฒนาและต่อยอดจะนำเงินกู้มาพัฒนาก่รทำนาแบบประหยัดผ่านนำระบบประหยัดและใช้พลังงานทดแทนมาควบคู่กับการทำนาเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายจนสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมมาลดน้องลงและหมดไป แต่บางพื้นที่เกษตรกรมักจะขอสินเชื่อกู้ไม่ได้มาต่อยอดการเกษตรแต่นำมาต่อเติมบ้านและซื้ออื่นๆจนทำให้ไม่สามารถชำระคืนหนี้กับธนาคารได้จนกลายเป็นหนี้มากกว่ารายจ่าย.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

พายุ “คาจิกิ” แนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น เตือน 24-27 ส.ค. ฝนหนักหลายพื้นที่

กทม. 24 ส.ค.-กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 7 พายุ “คาจิกิ” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น เตือน 24-27 ส.ค.68 ไทยฝนเพิ่มมากขึ้น ตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรง บริเวณอีสานตอนบน ภาคเหนือ กลาง ตะวันออก และใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง พายุ “คาจิกิ” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (24 ส.ค. 68) พายุโซนร้อนกำลังแรง “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 570 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น […]

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย