ธปท.แนะวิธีแก้หนี้เกษตรอีสานอย่างไรให้ยั่งยืน

ขอนแก่น 9 ก.ค.- ผู้ว่าการ ธปท. แนะวิธีแก้หนี้เกษตรอีสาน อย่างไรให้ยั่งยืนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกันป้องกันไม่ให้การก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับลดหนี้เก่าแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงค่าครองชีพสูง แต่รายได้ต่ำกว่ารายจ่าย หากไม่เร่งแก้ทั้งระบบปัญหาหนี้ทุกภาคจะไม่ลดลง โดยเฉพาะหนี้เกษตรกรอีสานน่าห่วง


ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาประจำปี 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหัวข้อ “แก้หนี้เกษตรอีสาน อย่างไรให้ยั่งยืน” ว่า โดยหนี้เกษตรกรภาคอีสานถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะภาคอีสานเป็นพื้นที่เพาะปลูกด้านการเกษตรเพียงปีละ 1-2 ครั้ง และเป็นครัวเรือนที่พึ่งพาแหล่งเงินช่วยเหลือในช่องทางต่างๆ มากพอควร ดังนั้น หากจะแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้ต่ำลงทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือวางแนวทางให้สอดคล้องกัน เพราะหากดูสัดส่วนหนี้ของไทยมีมากถึง 91% ของจีดีพี ถือว่ามากพอควรและยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการลดหนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ค่าครองชีพในด้านต่างๆ ทั้งอาหาร สินค้าและอื่น ๆ มีแต่สูงขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อไม่ได้สูงเท่าที่ควร แต่ค่าครองชีพกลับไม่ได้ลดลง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของภาคครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม ธปท.แม้จะไม่ใช่หน่วยงานหลักในการแก้ไขหนี้ แต่ที่ผ่านมาพยายามดูการให้สินเชื่อใหม่เข้าสู่ระบบให้ได้เต็มที่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอสเอ็มอีตั้งแต่จากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ แต่ยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นที่ตัวขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบธุรกิจของสถาบันการเงินขณะนี้อย่างเข้าไม่ได้เต็มที่ แต่ ธปท.ต้องขอขอบคุณกระทรวงการคลังที่เข้ามาช่วยเหลือให้สถาบันการเงินของรัฐบางแห่งเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อใหม่ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปได้


Screenshot

นอกจากนี้ การแก้ไขสัดส่วนหนี้ทั้งระบบที่มีอยู่ในบางประเทศสามารถลดหนี้ลงมาได้ แต่ของไทยหากจะลดหนี้จะต้องปรับรายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่าย แม้สัดส่วนหนี้ของไทยจะมีมากถึง 91 % ของจีดีพี หากรายได้กลับมาโตอย่างยั่งยืนก็เชื่อว่าสัดส่วนหนี้ของไทยจะลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่สิ่งที่น่าห่วงหนี้ภาคครัวเรือนโดยเฉพาะภาคอีสานนั้นถือว่ามีมากพอสมควร โดยเห็นได้ชัด 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อคนจากการทำงานอยู่ที่ 12,000 บาท แต่รายจ่ายต่อคนอยู่ที่ 15,000 บาทจนถึงขณะนี้รายจ่ายห่กจากรายได้มากกว่า 5,000 บาทขึ้นไป ทำให้ครัวเรือนภาคอีสานมีหนี้มากกว่ารายได้ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก แม้หลายฝ่ายพยายามแก้หนี้ค้างเก่าได้ แต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ดังนั้น หนทางแก้ไขหนี้จะต้องทำให้รายจ่ายและรายได้สอดคล้องกันและจะต้องทำให้ครบวงจร

“ธปท.มองว่าการแก้ไขหนี้ทั้งระบบจะต้องดูไม่ให้ค่าครองชีพและเงินเฟ้อสูงเกินไป โดย 3 แนวทางการเงิน สู่ความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน 1.ดูแลรายจ่าย ดูแลเสถียรภาพราคา ไม่ให้เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงเกินไป 2.ดูแลให้รายได้โตอย่างยั่งยืน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและสร้างโอกาส และ 3.แก้ปัญหาหนี้สิน มาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม จึงต้องให้ความสำคัญกับทุกด้าน ไม่ใช่แค่การแก้หนี้เพียงอย่างเดียว โดยครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากสุดจะอยู่ที่ครัวเรือนรากหญ้า เพราะไม่มีสินทรัพย์เพียงพอ ดังนั้น การแก้ไขหนี้จะต้องทำทุกด้านให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะขอความร่วมมือกับสถาบันการเงินให้ช่วยผ่อนผันหนี้และปล่อยสินเชื่อใหม่ให้เอสเอ็มอี แต่จะเป็นมาตรการระยะสั้นๆเท่านั้น ดังนั้น จะต้องแก้ไขในด้านโครงสร้างทั้งระบบให้มีความเข้มแข็ง ” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า จากตัวเลขรายได้ของเกษตรกรภาคอีสานต่อครัวเรือนจะอยู่ที่ 160,000-180,000 บาทต่อปี หรือต่อเดือนเฉลี่ยต่ำกว่า 10,000 บาท แต่หากดูรายจ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นจะสูงกว่ารายได้ค่อนข้างมาก ทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนของภาคอีสานจึงมีมากกว่าภาคภาคอื่น และที่สำคัญรายจ่ายของภาคครัวเรือนส่วนใหญ่ไปเน้นจ่ายไปที่จ่ายเงินกู้ที่ยืมมาทั้งในระบบและนอกระบบ จ่ายจากการเสี่ยงโชคหรือการเล่นหวย จ่ายในการเล่นแชร์และจ่ายอื่นๆ ขณะที่รายได้ของครัวเรือนภาคอีสานจะมาจากการเพาะปลูกข้าวหรือรอแหล่งเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการบางปีได้มากบางปีได้น้อย ไม่เพียงพอต่อการครองชีพและไม่สอดคล้องควรให้แหล่งเงินเข้ามาเสริมด้านโครงสร้างการผลิตเพื่อให้ภาคครัวเรือนมีรายได้กลับมาอย่างยั่งยืน ดังนั้น หากจะให้หนี้ครัวเรือนอีสานลดลงจะต้องกลับมาพัฒนาโครงสร้างในด้านต่างๆให้สอดคล้องกับภาคอีสานอย่างแท้จริง


ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป่วย อิ้งภากรณ์กล่าวว่า หนี้เกษตรกรภาคอีสานปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะภาคอีสานเท่านั้น โดยหนี้เกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 90 % มีหนี้กันทั้งสิ้น จากข้อมูล ธกส หนี้เกษตรกรค่าเฉลี่ยโตเร็วต่อรายเกิน 500,000 บาท แม้จะลดลง แต่ก็ก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นไม่ค่อยลดลง และจะติดกับดักหนี้ทำให้เข้าถึงสินเชื่อลำบากขึ้นจนต้องไปหาแหล่เงินกู้นอกระบบแทนและสิ่งที่เป็นปัญหาอีกด้านหนึ่ง คือ ระบบข้อมูลฐานรากของแต่ละหน่วยงานปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงของเกษตรกรแต่ละรายที่ก่อหนี้ไว้มีทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่เกิดขึ้นจนกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่ไม่สามารถจะชำระหนี้เหล่านี้ได้หมดหรือจ่ายก็จ่ายเพียงดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม หากจะให้แก้หนี้ให้กลับมายั่งยืนได้ทุกฝ่ายทั้งธนาคารรัฐ เกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาวางระบบให้เป็นระบบเดียวกัน เพราะแนวทางการพักหนี้ถือว่าไม่ใช่เป็นการแก้หนี้ระยะยาว หากดูในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาภาครัฐใช้นโยบายพักหนี้เกษตกรต่อเนื่อง แต่ผลที่ได้เกษตรกรส่วนใหญ่หนี้ไม่ได้ลดลงแต่กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้น

นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ โค้ชหนุ่ม Money Coach กล่าวว่า แนวทางการพักชำระหนี้แม้ดูจะเป็นเรื่องดี แต่หนี้จะไม่ลดลงและเป็นภาระเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่แน่นอนและไม่เพียงพอต่อคนในครอบครัวและยังไม่เข้าใจหลังลดหนี้บ้างแล้วควรจัดระบบการใช้จ่ายต่อครัวเรือนอย่างถูกต้องได้อย่างไรและควรวางแผนการใช้เงินอย่างถูกต้อง เพราะเกษตรกรมักจะได้เงินมาเป็นก้อนใหญ่ แต่เวลาใช้จ่ายออกไปแทนที่จะทยอยการใช้เงินในแต่ละเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะใช้ที่เดียวหมดทำให้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ยืมได้ จึงเป็นหนี้ที่ไม่ลดลง

นายพสธร หมุยเฮบัว เกษตรกร ผู้ใหญ่บ้านโนนสำราญ นักพัฒนากล่าวว่า มีหนี้กับธนาคารของรัฐ กู้ทำนา ผ่อนจ่าย 10 ปี แต่จ่ายแล้ว 3 ปี โดยตนเป็นนักพัฒนาและต่อยอดจะนำเงินกู้มาพัฒนาก่รทำนาแบบประหยัดผ่านนำระบบประหยัดและใช้พลังงานทดแทนมาควบคู่กับการทำนาเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายจนสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมมาลดน้องลงและหมดไป แต่บางพื้นที่เกษตรกรมักจะขอสินเชื่อกู้ไม่ได้มาต่อยอดการเกษตรแต่นำมาต่อเติมบ้านและซื้ออื่นๆจนทำให้ไม่สามารถชำระคืนหนี้กับธนาคารได้จนกลายเป็นหนี้มากกว่ารายจ่าย.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย