กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – รมว.พาณิชย์ โยนให้ อคส. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ช่วยกันตรวจสอบบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง ที่ชนะประมูลข้าวค้างเก่า 10 ปี ดีครบหรือไม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและทันก่อนประกาศผู้ชนะ 21 มิ.ย.นี้ พอใจราคาประมูลได้สูงกว่าที่คาดไว้ ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตซื้อสมาร์ทโฟนได้หรือไม่ ให้คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตตัดสินใจ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ชนะประมูลข้าวค้างเก่า 10 ปี ของรัฐไป โดยเห็นว่าบริษัทนี้มีกิจการไม่ชัดเจนด้วยนั้น ไม่อยากให้ทุกฝ่ายไปมองกันในลักษณะนั้น แต่เมื่อมีข้อสังเกตมาก็จะทำให้เกิดความโปร่งใส และได้ให้คณะกรรมการขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (พค.) ไปตรวจสอบบริษัทดังกล่าวให้มีความชัดเจนกันต่อไป
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจะทันการประกาศผลผู้ชนะประมูลและเป็นผู้มีสิทธิได้รับสินค้าข้าวสตอกรัฐ จำนวนกว่า 15,000 ตัน ที่ อคส.จะประกาศได้ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ อย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ถือได้ว่าสามารถขายข้าวสารค้างเก่าตามจำนวน 15,000 ตันนี้หมดแล้ว โดยได้ราคาประมูลเฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.07 บาท หรือเท่ากับตันละ 19,070 บาท เป็นเงินรวมกว่า 286 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่พอใจ แต่จะได้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ ก็อยู่ที่ทางคณะกรรมการต่อรองราคากับบริษัทที่ชนะประมูล หากได้มากกว่านี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนที่หลายฝ่ายยังกังวลใจ โดยเฉพาะประชาชนเกรงว่าข้าวในลอตนี้จะกลับเข้ามาสู่คนกินในประเทศด้วยนั้น ซึ่งไม่ว่าข้าวสตอกนี้จะส่งออกหรือนำกลับมาบริโภคภายในประเทศได้ จะต้องผ่านกระบวนการนำไปขัดสีและปรุงแต่งข้าวให้ได้ตรงตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแล หากเพื่อการส่งออกจะต้องทำให้ได้มาตรฐานของกรมการค้าต่างประเทศ หากเพื่อจำหน่ายภายในประเทศต้องได้มาตรฐานจากกรมการค้าภายในด้วยเช่นกัน จึงขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล กระทรวงพาณิชย์ติดตามดูแลอย่างเต็มที่
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดรายการสินค้า โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ สามารถใช้ร่วมกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้หรือไม่ ขณะนี้คงต้องให้คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งว่าสามารถใช้ซื้อมือถือได้หรือไม่ โดยกระทรวงพาณิชย์เน้นดูแลร้านธงฟ้าและกลุ่มเอสเอ็มอีที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และมีความพร้อมอยู่มากที่จะเข้าร่วมโครงการนี้.-514-สำนักข่าวไทย