“ภูมิธรรม” เผย 2 วันนี้ รู้ผล “วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” ได้ข้าวค้างเก่าหรือไม่

มาเลเซีย 3 ก.ค. – รมว.พาณิชย์ ชี้ภายใน 2 วันนี้รู้ผลหลังให้ อคส.ไปพิจารณาเชิงลึกที่มาที่ไปของบริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง ที่ให้ราคาข้าวค้างเก่าสูงสุดและไม่มีข้อสงสัยแล้ว หลังครบ 7 วัน ขณะที่ “วีเอท” ทำหนังสือถึง อคส. เพิ่มราคาขึ้นอีก แต่หากทุกอย่างคลายข้อสงสัยรัฐเปิดราคาให้สาธารณชนทราบ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบผู้ชนะประมูลข้าวสารสตอกรัฐบาลเก่า 10 ปีของรัฐ ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ครบ 7 วัน ที่สั่งการให้คณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา ตรวจสอบบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดที่กิโลกรัมละ 19.07 บาท รวมมูลค่าราว 286 ล้านบาท แต่ยังมีข้อสงสัยเรื่องทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท แต่สามารถซื้อข้าวรัฐยื่นมูลค่าสูงถึง 286 ล้านบาท ล่าสุดในวันนี้ (3 ก.ค.) คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างการประชุมเพื่อพิจารณาข้อสรุปอีกครั้ง หากผลประชุมสรุปออกมาคลายข้อสงสัยแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) คิดว่าน่าจะประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลข้าวได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ผู้เสนอราคาซื้อข้าวสูงสุดรายแรก ได้ทำหนังสือไปที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า ยืนยันราคาที่ต่อรองเพิ่มขึ้นได้อีก แต่อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง เบื้องต้นบริษัทวีเอท ยินดีให้ราคาเพิ่มจาก 19.07 บาท/กก. เป็น 19.073 บาท/กก. แต่ขอให้เรื่องผลการตรวจสอบข้อสงสัยต่างๆ ให้ออกมาชัดเจนก่อนแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะแถลงผลให้สาธารณชนได้ทราบกัน และเมื่อทุกอย่างไม่มีข้อสงสัยแล้วทาง อคส.จะเรียกบริษัทที่ชนะประมูลมาวางหลักทรัพย์ไว้ที่ อคส. เพื่อรับประกันว่า มีศักยภาพที่จะซื้อข้าวลอตนี้จริง เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย และไม่ทิ้งสัญญา แต่หากมีปัญหาทิ้งสัญญา อคส.จะยึดเงินที่นำมาวางไว้ เป็นต้น


“วันนี้ (3 ก.ค.) คณะกรรมการฯพิจารณาเสร็จสิ้น และเคลียร์ข้อสงสัยทุกอย่างได้หมด ก็ไม่มีปัญหา และน่าจะประกาศผลได้วันที่ 4 ก.ค.นี้เลย หลังจากนั้น อคส.ก็จะเรียกมาทำสัญญาตามเวลาที่กำหนด” นายภูมิธรรม กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้ไม่ว่าราคาที่บริษัทวีเอทให้สูงขึ้นถือว่าไม่น่าห่วง แต่สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ห่วงมาก คือ ทุกเรื่องต้องไม่กระทบตามหลังมาและไม่ให้เกิดข้อสงสัยเกิดขึ้นอีก ดังนั้น การตรวจสอบเชิงลึกในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ขอข้อมูลพื้นที่จากหน่วยงานกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น โดยยังตรวจสอบและขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ลงไปดูในเรื่องทะเบียนผู้ใช้แรงงานทั้งของผู้บริหารและเกี่ยวข้องกับบริษัทวีเอททั้งหมดว่าขึ้นทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามหลักของกฎหมายหรือไม่ เพราะตรงนี้จะทำให้รับทราบถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทวีเอททั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร หากถูกต้องก็เชื่อมั่นได้ว่าเป็นบริษัทที่ดีและมีคุณภาพ. -514-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง