กรุงเทพฯ 31 ม.ค.-บลจ.เอ็มเอฟซีคาดเฟดลดดอกเบี้ยครึ่งหลังปี 67 บาทมีแนวโน้มแข็งค่า เตรียม เปิดขาย กองทุนใหม่ ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ชูจุดเด่น ความมั่นคงสูง ความเสี่ยงต่ำ
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี หรือ MFC เปิดเผยว่า ตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในปี 2567 และเป็นจังหวะเข้าลงทุนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา จากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ล่าสุด คาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25 – 5.50% และมีแนวโน้มจะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ ทำให้ความผันผวนของราคาน้อยลง อีกทั้งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลไทย มีส่วนต่างดอกเบี้ยกว้างมากที่สุดและคาดว่าจะยังคงอยู่ต่อไปอีก 12–24 เดือน
ส่วนทิศทางค่าเงินบาทในปี 67 มองว่ามีแนวโน้มแข็งค่า จากการที่เฟดส่งสัญญาณจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งหากเฟดไม่ต้องการให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงหรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย Fed อาจจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงบางส่วน คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 อย่างไรก็ตาม คาดว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก่อนสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับนโยบายการคลังของรัฐบาลจะทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้เช่นกัน
นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าเพิ่ม เช่น ภัยแล้ง ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของภาคการเกษตรและค่าครองชีพประชาชนทั่วไป อาจทำให้ธปท. ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงสงครามที่อาจทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือครองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นแนวทางการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนจะดำเนินการตามปัจจัยทางพื้นฐาน ประกอบกับปัจจัยของการเคลื่อนไหวของค่าเงิน โดยจะลดการป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าเงินบาทมีปัจจัยทั้งสองส่วนประกอบกันไปในทิศทางที่อ่อนค่าและเพิ่มการป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าเงินบาทมีปัจจัยทั้งสองส่วนประกอบกันไปในทิศทางที่แข็งค่าเพื่อเป็นโอกาสการลงทุน
บลจ.เอ็มเอฟซี พร้อมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส เทรเชอรี่ บิล (M-USTBILL) มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี โดยกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) และรับรองโดยรัฐบาลสหรัฐจึงมีโอกาสต่ำมาก ในการผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งยังได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร (Moody’s AAA, S&P AA+ และ Fitch AA+)
นายธนโชติ ระบุกองทุน M-USTBILL เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปและผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงและมีความเสี่ยงต่ำ ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถจองซื้อขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไปเพียง 1,000 บาทเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 2-7 ก.พ 67.-511-สำนักข่าวไทย