กรุงเทพฯ 2 ม.ค.-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ที่ 3.2% โดยมีหลายปัจจัยหนุนพร้อมปัจจัยด้านลบยังมีอยู่มาก และได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 66 เหลือ 2.5% ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจโลกที่ซึมตัวนานกว่าที่คาด และการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คล่องตัวช่วงรอยต่อรัฐบาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประมาณการณ์เศรษฐกิจเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.5% เป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่ 3.0% ตามจีดีพีภาคเกษตร และนอกภาคเกษตร ที่มีแนวโน้มลดลงจากที่คาดไว้เดิม รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว แม้จะเป็นตัวดึงเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดหวังไว้ 30 ล้านคนโดยเฉพาะจีน น้อยกว่าที่คาดไว้ 5 ล้านคน เหลือเพียง 3 ล้านคน สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 27 ล้านคน การลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อรัฐบาล ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณไม่คล่องตัว มีเพียงการบริโภคภาคประชาชน การใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี และภาคการส่งออก ที่กลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งช่วงท้ายของปี
ส่วนการประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัว 3.2% มีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวชัดเจน การกลับมาขยายตัวของภาคส่งออก คาดว่าทั้งปี 67 โตได้ 3% เงินเฟ้อมีสัญญาณชะลอตัว รวมทั้งการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวในเกณฑ์ดี และที่สำคัญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล อาทิ Esay E-Receipt ที่เริ่มต้นหมุนเวียนเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปี แต่การคาดการณ์นี้ ยังไม่รวมมาตรการเงินดิจิทัลวอลเล็ต
อย่างไรก็ตาม ปี 67 ยังเป็นปีที่มีปัจจัยเสี่ยงอยู่เยอะ ทั้งจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่มีโอกาสบานปลาย ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ขัดแย้งกันอยู่ระหว่างสหรัฐกับจีน เศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวอยู่ ปัญหาภัยธรรมชาติ-ภัยแล้ง นโยบายดอกเบี้ยสหรัฐฯ รวมทั้งเสถียรภาพของรัฐบาล เสถียรภาพทางการเมืองระหว่างประเทศ ไปจนถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ดังนั้น จึงได้วางกรอบการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้กว้าง ตั้งแต่ 2.2-4.5% ซึ่งกรณีเลวร้ายสุด เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.2% หากสงครามยืดเยื้อ กระทบ เศรษฐกิจโลกซึมตัวและวิกฤตในทะเลแดงกดดันต่อการส่งออกสินค้า ส่วนกรณีที่ดีกว่าคาดการณ์นั้น หากมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านกระบวนการสามารถดำเนินการได้เต็มที่ เศรษฐกิจไทย จะโตที่ 4.2 – 4.5% ซึ่งยังต้องประเมินเป็นระยะกันต่อไป.-514-สำนักข่าวไทย