กรุงเทพฯ 20 ธ.ค. – EXIM BANK ชูโมเดล “Green Development” ขยายพอร์ตสินเชื่อ สนับสนุนธุรกิจสีเขียวในปี 67 สัดส่วนร้อยละ 40 จากสินเชื่อรวม 1.9 แสนล้านบาท
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงาน “EXIM Green Wishes Market” เพื่อส่งความสุข ต้อนรับปีใหม่ 2567 ให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่มเปราะบางในชุมชน ผ่านการออกร้านจำหน่ายสินค้าและกิจกรรมประมูลของรักของหวงของผู้บริหาร EXIM BANK และหน่วยงานพันธมิตร เพื่อส่งมอบเงินจากการประมูลโดยไม่หักค่าใช้จ่ายให้แก่มูลนิธิรักษ์ไทย มุ่งเน้น โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การศึกษา ธุรกิจและรายได้ของชุมชนที่ยั่งยืน
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกยังทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังค่อนข้างวิกฤต EXIM BANK ต้องการมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่า Climate Finance โลก มุ่งปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น สินเชื่อ Solar Orchestra และ EXIM Solar D-Carbon Financing ที่ไม่เพียงให้เงินทุน แต่ยังช่วยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงสินเชื่อ EXIM Green Start ดอกเบี้ยอัตราพิเศษสำหรับ SMEs หรือคนตัวเล็กที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว
ดร.รักษ์ กล่าวว่า แผนในปี 2567 EXIM BANK จะนำโมเดล “Green Development” ไปใช้พัฒนาองค์กรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ 1.9 แสนล้านบาท โดยมีสัดส่วนสินเชื่อด้านสิ่งแวดล้อมร้อยละ 40 จากปี 66 ปล่อยกู้ 1.7 แสนล้านบาท สัดส่วนสินเชื่อด้าน “Green Development” ร้อยละ 35 รองรับกระแสโลกดูแลสิ่งแวดล้อม และในปี 2567 EXIM BANK มีแผนจะออกพันธบัตร Blue Bond เป็นครั้งแรก 3,000-5,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อน Blue Economy ดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้เป็นแหล่งการจ้างงานและแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนของประชากรหลายล้านคนทั่วโลก และในช่วงเศรษฐกิจโลกผันผวน ความขัดแย้งเกิดทางเศรษฐกิจและสงคราม จึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการค้ำประกันความเสี่ยงจากการชำระเงินของลูกค้าต่างประเทศ คิดเบี้ยประกัน ล้านละ 5,000 บาท โดยรัฐบาลช่วยชดเชยส่วนหนึ่ง นับว่าเบี้ยประกันถูกมาก เพื่อดูแลผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
นอกเหนือจากการประหยัดพลังงานและเดินหน้าสู่องค์กรสีเขียว องค์กรจะสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG เร่งยกระดับธุรกิจไทยให้เข้าสู่ ESG Supply Chain ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการจ้างงานในอุตสาหกรรมสู่อนาคต อาทิ S-Curve ธุรกิจบริการ Soft Power และเกษตรแปรรูป โดยสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์โลก สานพลังกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุน SMEs ไทยสู่เวทีโลกด้วยความพร้อมด้านความรู้ โอกาส เงินทุน และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมทั้งคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางในชุมชนและสังคม.- 515 – สำนักข่าวไทย