เตรียมเปิด PTT Station แฟลกชิป วิภาวดี 62 วันที่ 12 ธ.ค.นี้

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – หลัง OR เผยโฉมสถานีบริการน้ำมัน PTT Station แฟลกชิป วิภาวดี 62 บนพื้นที่รีเทลไซส์ใหญ่ 5,000 ตร.ม. ช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ผู้บริหาร OR และกระทรวงพลังงาน จะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เพื่อตอกย้ำนอกจากบริการน้ำมันแล้วยังใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด พร้อมแจ้งข่าวดีคนสนใจขายสินค้าในปั้ม ค้นหาพื้นที่ว่างร้านค้าปลีกใน PTT Station ด้วยตัวเองได้ ย้ำไม่ผิดหวังยอดขายดีทุกพื้นที่ทั่วไทย


บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เผยโฉมสถานีบริการ PTT Station แฟลกชิป ริมถนนวิภาวดี 62 คอนเซ็ปต์ Green เป็นปั๊มต้นแบบในอนาคตของ PTT ที่แสดงตัวตนผ่าน Ecosystem เครือข่ายธุรกิจของ OR ได้ชัดเจน หลังเปิดให้บริการมาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ตลอดกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้จะมีพิธีเปิด PTT Station แฟลกชิปแห่งนี้ โดยจะมีฝ่ายผู้บริหารของ OR และกระทรวงพลังงาน รวมถึงกระทรวงพาณิชย์จะร่วมเปิด PTT Station แฟลกชิป วิภาวดี 62 อย่างเป็นทางการ

ทัังนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำ PTT Station แฟลกชิปแห่งนี้ โดยเฉพาะศูนย์บริการแห่งนี้จะเน้นใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ด้วยสถานีบริการน้ำมัน, EV Station PluZ โซลาร์รูฟท็อป ที่ได้นำ AI มาคำนวณการปล่อยคาร์บอนของรถแต่ละคันที่เข้า-ออกปั๊ม เพื่อนำไปจัดทำโปรแกรมรีวอร์ด ร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอนสิ่งที่แตกต่างและเป็นไฮไลต์ คือ มีพื้นที่รีเทลขนาดใหญ่ ประมาณ 4,000-5,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากปั๊ม PTT ทั่วไปที่มีพื้นที่รีเทลประมาณ 500-1,000 ตารางเมตร


สาขาปั๊มแฟลกชิปนี้ มีแบรนด์ธุรกิจ Lifestyle ของ OR ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ Cafe Amazon, ไก่ทอด Texas ร้านเครือข่ายพันธมิตรที่ OR เข้าไปถือหุ้นร่วมทุนด้วย ปัจจุบันมี 26 แบรนด์ ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) เช่น โอ๋กะจู๋ และแบรนด์ด้านบริการ นอกจากนี้จะมีร้านทั่วไปเข้ามาเปิดให้บริการด้วย

PTT Station แฟลกชิป วิภาวดี 62 เป็นไปตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ ที่นิยมใช้บริการครบวงจรใกล้บ้าน ทำให้ปั๊มน้ำมันเป็นอีกสถานที่ที่ลูกค้าไปใช้จ่ายสินค้าและบริการนอกจากเติมน้ำมัน เดิมลูกค้า PTT Station ใช้จ่ายเงินกับน้ำมัน 55-60% ที่เหลือเป็น Non-Oil ปัจจุบันใช้จ่ายน้ำมัน 45% และจับจ่ายในกลุ่มค้าปลีก (Non-Oil) 55% ทำให้  PTT Station เพิ่มพื้นที่ค้าปลีกเข้ามาให้บริการมากขึ้น และ OR ยังได้วางแผนขยายสาขาในภูมิภาคหลัก ๆ เพื่อเป็นสถานีบริการน้ำมันต้นแบบ ส่วนปั๊ม PTT ที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วจะใช้วิธีซื้อที่ดินเพิ่มเติมในพื้นที่ติดกัน เพื่อขยายพื้นที่รีเทล เพื่อนำธุรกิจกลุ่ม Lifestyle ของ OR และพันธมิตรเข้าไปเปิดบริการ

นอกจากนี้ OR ได้ประกาศพัฒนาบิสซิเนส โมเดลใหม่ OR Space เป็นคอนเซ็ปต์ “ค้าปลีกนอกปั๊ม” ที่ให้บริการแบรนด์ธุรกิจ Non-Oil ร้านอาหารและเครื่องดื่มในเครือข่ายพันธมิตร OR พร้อมบริการจุดชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ (ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน) การพัฒนาโมเดลค้าปลีกนอกปั๊ม OR Space เป็นรูปแบบคอมมูนิตี้ไซซ์เล็ก เพราะเห็นว่าสถานีบริการน้ำมันกลางเมืองพื้นที่ขนาดเล็ก ต่อไปอาจไม่ตอบโจทย์เรื่องพลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิม จากการเปลี่ยนไปใช้รถ EV จึงพัฒนาธุรกิจค้าปลีกใหม่ OR Space ที่มีจุดชาร์จ EV แทน และใช้เงินลงทุนไม่สูง แต่ได้ผลตอบแทนต่อตารางเมตรสูงและคุ้มทุนเร็ว เน้นทำเลในเมืองเดินทางเข้า-ออกสะดวก ที่สำคัญดีลเลอร์ปั๊มน้ำมันของ OR ที่มีศักยภาพและที่ดินหลายทำเล สนใจลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และเป็นอีกโอกาสในการพัฒนาบิสซิเนส โมเดลใหม่ในกลุ่ม Non-Oil หรือกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่สร้างกำไรได้สูงกว่าธุรกิจน้ำ


อย่างไรก็ตาม เพื่อแนะนำภาพรวมธุรกิจขายปลีกใน PTT Station นอกเหนือจากสถานีบริการน้ำมัน PTT Station OR ยังดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกในสถานีบริการ ร้านค้าในเครือโออาร์ อาทิ คาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น และอื่นๆ ที่ PTT Station ยังมีพื้นที่ว่างให้ผู้สนใจลงทุน ทำธุรกิจในสถานีบริการน้ำมัน เปิดกว้างผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ได้มีพื้นที่ในการทำธุรกิจ โดยสามารถค้นหาพื้นที่ว่างร้านค้าปลีกใน PTT Station ด้วยตัวเองได้ที่ Space platform ค้นหาพื้นที่ว่างร้านค้าปลีกใน PTT Station ค้นหาพื้นที่เช่าค้าปลีกของ OR (pttor.com) หรือใครที่สนใจลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมันหรือเสนอที่ดินให้เช่า ก็สามารถติดต่อได้ที่ เสนอพื้นที่ทำ PTT Station/Community pttstation.pttor.com/home .-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ระบุ ภายหลัง กัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่ถือรูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชา พยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสน ในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงาน ที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง

กทม. 28 ก.ค.-ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง ขณะ ทภ.2 เตือนอย่าเชื่อข่าวปลอม กองทัพไม่สนทางรัฐบาลเจรจา กร้าวเดินหน้ารบ-ประกาศอัยการศึก พร้อมชวนกดรีพอร์ตโพสต์-คอมเมนต์ผู้ไม่หวังดีโจมตีสื่อทางการไทย กองทัพบกทันกระแส รายงานว่าเข้าวันที่ 5 ของสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืน นอกจากนี้ กองทัพภาคที่2 ยังได้ขอความร่วมมือ ชาวโซเชียลไทย กดรีพอร์ต Report โพสต์หรือคอมเม้นต์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการเข้ามา กลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตี สื่อทางการไทย พร้อนเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม กรณีที่มีข่าวว่า “กองทัพแข็งกร้าว! ลั่นเดินหน้ารบ ซัดรบ.อย่าหวังเจรจา ขณะเขมรยึดพื้นที่ไทย จ่อใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ”.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย