กรุงเทพฯ 21 ก.ย. –กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.เผยเดือนสิงหาคม 2566 ผลิตรถยนต์ได้ 150,657 คัน ลดลงร้อยละ 12.27 ขายได้ 60,534 คัน ลดลงร้อยละ 11.25 ส่งออก 87,555 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.41 ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้ายังแรงต่อเนื่อง ยอดจดทะเบียนใหม่ 9,076 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 293.92 โดย เป็นรถยนต์นั่ง 6,594 คัน ขณะที่ผู้ผลิตฯขอให้รัฐบาลเร่งอนุมัติ EV 3.5 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากมาตรการ EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดธันวาคมนี้
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม 2566 มีทั้งสิ้น 150,657 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ร้อยละ 12.27 เพราะผลิตรถกระบะเพื่อขายในประเทศที่ลดลงจากปีที่่แล้วเดือนสิงหาคมถึงร้อยละ 41.65 ตามยอดขายในประเทศที่ลดลงตั้งแต่ต้นปี และปีที่แล้วเดือนสิงหาคมเริ่มได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นมาก จึงผลิตได้มาก ฐานปีที่แล้วจึงสูง
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,221,878 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565 ร้อยละ 3.13 ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 87,555 คัน เพิ่มขึ้น 19.41% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 82,318.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 15.13%
ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าเดือนสิงหาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,076 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 293.92 โดยเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 6,594 คัน ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปีนี้ มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 59,025 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 433.05
นายสุรพงษ์ ยังเสนอรัฐบาลเร่งอนุมัติมาตรการ EV 3.5 ต่อเนื่องจาก EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ นอกจากนี้ยังต้องการให้รัฐบาลให้เงินอุดหนุนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ, เร่งติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ทั่วถึง , ผลิตบุคลากรที่มีความรู้เรื่องการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคทั้งหลายที่จะเข้ามาลงทุนในอนุคต ให้นักลงทุนมั่นใจว่าประเทศไทยมีบุคลากรเพียงพอ นอกจากนี้ยังอยากให้ส่งเสริมดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน ลดมลพิษรวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ซึ่งจะมีผลช่วยให้ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
“ดีใจที่นายกรัฐมนตรีพูดที่สหประชาชาติ ชักชวนนักลงทุนรายใหญ่จากสหรัฐมาลงทุนในไทย เพราะประเทศไทยขาดเงินลงทุนจากหลายประเทศมาเป็นเวลานาน การชวนเทสล่ามาลงทุนของนายกฯ นับว่าเป็นเครดิตที่ดีมาก เพราะหลังจากนั้นจะมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ตามเข้ามาลงทุนอีกหลายบริษัท เมือมีการลงทุนจากต่างประเทศ ก็จะทำให้คนไทยมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นได้”
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังขอให้รัฐบาลส่งเสริมอัตราการเกิดของประชากร เพื่อเพิ่มสัดส่วนแรงงาน ที่ไทยประสบปัญหามายายนานถึง 15 ปี .-สำนักข่าวไทย