ทีทีบี พัฒนาโซลูชันรวบหนี้-สินเชื่อสวัสดิการ ช่วยมนุษย์เงินเดือนปลดหนี้

นครราชสีมา 16 ก.ย. – ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) ประกาศแผนขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Ecosystem Play ช่วยมนุษย์เงินเดือนปลดภาระหนี้ผ่านโซลูชันรวบหนี้และสินเชื่อสวัสดิการกว่า 170,000 คน ภายใน 3 ปี พร้อมเดินหน้ายกระดับดิจิทัลแบงก์กิ้ง


นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ทีทีบี มุ่งมั่นที่จะทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดย 1 ใน 3 กลยุทธ์ที่สำคัญของปีนี้คือ Ecosystem Play Business Model หรือ การสร้างชีวิตทางการเงินของลูกค้าให้ดีขึ้นรอบด้านโดยมุ่งเน้น 3 กลุ่มเป้าหมายหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญและมีฐานลูกค้าเป็นแต้มต่อ ได้แก่ กลุ่มมนุษย์เงินเดือน (Salaryman Ecosystem) กลุ่มคนมีรถ (Car Owner Ecosystem) และกลุ่มคนมีบ้าน (Home Owner Ecosystem) เพื่อช่วยให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถบริหารจัดการเรื่องสำคัญในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและรอบด้านมากกว่าแค่เรื่องการเงิน

ที่ผ่านมา ทีทีบี เปิดตัวฟีเจอร์ My Car บนแอปฯ ttb touch ช่วยให้ลูกค้ามีรถได้รับความสะดวกสบายในการจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับรถ เช่น การเติมเงิน-เช็กยอดบัตรทางด่วน Easy Pass การต่อประกันและ พ.ร.บ.รถยนต์ การประเมินราคารถพร้อมประกาศขาย ตลอดจนโปรโมชันต่าง ๆ เกี่ยวกับการดูแลรถ เป็นต้น ปัจจุบันมีรถที่ลงทะเบียนใช้งานฟีเจอร์นี้กว่า 580,000 คัน มีผู้ใช้มากกว่า 150,000 คน/เดือน ส่งผลให้ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารมีพฤติกรรม Active บนดิจิทัลแบงก์กิ้งมากกว่า 78% รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการซื้อ-ขาย “รถโดนใจ” (Roddonjai) ที่ช่วยคู่ค้าเต็นท์รถมือสองจากการโดนดิสรัปชันในตลาด โดยในช่วง Soft Launch ที่ผ่านมามีดีลเลอร์ผู้จำหน่ายรถเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มแล้วมากกว่า 1,200 ราย โดยธนาคารจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบเร็ว ๆ นี้


ขณะที่กลุ่มคนมีบ้าน ธนาคารเพิ่งเปิดตัวบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ttb l Global House ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดบัตรใหม่รวมราว 30,000 ใบ ภายใน 2 เดือน และเร็ว ๆ นี้ จะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ My Home เพื่อให้ลูกค้าสามารถจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านแอปฯ ttb touch

สำหรับกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ทีทีบี มีเป้าหมายที่จะเป็นมากกว่าบัญชีเงินเดือนสำหรับลูกค้า Payroll ซึ่งได้เปิดตัวฟีเจอร์ My Tax ผู้ช่วยบริหารจัดการทุกเรื่องภาษี และล่าสุดได้เริ่มเปิดตัว my work by ttb ระบบบริหารงานบุคคลแบบมืออาชีพ ซึ่งเป็น HRM System ที่จะช่วยเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ SME และฝ่ายบุคคลขององค์กรสามารถบริหารงานบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ เป็นบริการใหม่ที่เริ่มเปิดตัวเว็บไซต์ mywork.ttbbank.com ให้ลูกค้าธุรกิจที่สนใจโซลูชันนี้เข้ามาลงทะเบียนล่วงหน้า และจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ สำหรับ my work by ttb จะช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับที่ทำงานได้ ทั้งคำนวณเงินเดือนและสามารถโอนจ่ายเงินเข้าบัญชีพนักงานได้ในคลิกเดียว จัดทำเอกสารต่าง ๆ ช่วยลดขั้นตอน Manual รวมถึงการเบิก-จ่ายต่าง ๆ ของพนักงาน จัดการแบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี และเพื่อตอบโจทย์การสร้าง Ecosystem ให้สมบูรณ์ ในส่วนของพนักงานเองก็สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ ttb touch ทั้งในส่วนของการบันทึกเวลาเข้า-เลิกงาน การจัดการวันลา การเบิกจ่าย/โอที รวมถึงการขออนุมัติต่าง ๆ

นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาเรื่องหนี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาการเงินอันดับ 1 ที่เป็นอุปสรรคของไทยสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มมนุษย์เงินเดือนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้มากที่สุด และจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หากไม่มีการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ทีทีบี ได้พัฒนาโซลูชันทางการเงิน เน้นการช่วยมนุษย์เงินเดือนปลดหนี้ให้เกิดผลลัพธ์ได้จริงมากที่สุดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธนาคารได้จัดทำ “โปรแกรมปลดหนี้ เพื่อพนักงานทีทีบี” โดยจะมีกิจกรรมทั้งการตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์และเรียนรู้วิชาการเงินที่เหมาะกับสุขภาพการเงินของแต่ละคนผ่าน E-Learning ที่เน้นเพิ่มภูมิคุ้มกันหนี้และเน้นรักษาปัญหาหนี้ พร้อมมีโค้ชปลดหนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และมีแผนจะขยายโปรแกรมนี้สู่กลุ่มลูกค้าและประชาชนทั่วไปในอนาคต


ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า หนึ่งในโซลูชันเพื่อช่วยลูกค้าปลดหนี้ได้ คือ โปรแกรมรวบหนี้ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวช่วยคนเป็นหนี้ให้มีสภาพคล่อง และลดภาระดอกเบี้ย โดยได้รับการตอบรับอย่างดี มีลูกค้าเข้าร่วมโปรแกรมรวบหนี้แล้วกว่า 5,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 3,600 ล้านบาท แบ่งเบาภาระดอกเบี้ยได้มากกว่า 400 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้พบว่าเป็นกลุ่มพนักงานเงินเดือนมากกว่า 95% ที่เข้าร่วมโปรแกรมรวบหนี้ อีกทั้งพบว่าประเภทหนี้ที่ลูกค้านำไปปิดบัญชีจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 50% ตามมาด้วยหนี้บัตรเครดิต 47%  จึงทำให้นอกจากการให้ตัวช่วยแล้ว ธนาคารยังมีเป้าหมายที่จะขยายการรับรู้และขยายความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มผู้ที่ถูกปฏิเสธเพราะมีภาระหนี้สูง แต่ประวัติการชำระเงินดี ให้สามารถเข้าโปรแกรมรวบหนี้ได้ พร้อมด้วยการพัฒนาระบบในการเข้าร่วมโปรแกรมรวบหนี้ผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการได้รับความสะดวกมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ทีทีบี แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเสริมสภาพคล่องและช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ดอกเบี้ยสูงให้ต่ำลง เริ่มต้นที่ 7.99% ต่อปี และตั้งแต่ปี 2565 ทีทีบีได้ขยายตลาดสินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ฯ ด้วยการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการสินเชื่อสวัสดิการเพื่อพนักงานกับบริษัทเอกชน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งปัจจุบันรวมแล้วกว่า 1,000 บริษัท มีจำนวนพนักงานราว 300,000 คน

“ทีทีบี ตั้งเป้าหมายช่วยคนไทยปลดหนี้ภายใน 3 ปี ผ่านโครงการรวบหนี้ 20,000 คน วงเงินรวบหนี้ 18,000 ล้านบาท ช่วยลดดอกเบี้ยได้ 2,000 ล้านบาท และช่วยเหลือพนักงานผ่านโครงการสินเชื่อสวัสดิการ ทีทีบี จำนวน 150,000 คน เป็นวงเงิน 30,000 ล้านบาท ช่วยลดดอกเบี้ยได้ 3,600 ล้านบาท” นายฐากร กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย