ไทยสร้างไทย ห่วงน้ำมันเถื่อน หากนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี

กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-พรรคไทยสร้างไทย ห่วงน้ำมันเถื่อน หากเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแบบเสรี ไร้แผนรองรับ ด้าน กรมสรรพสามิตแจงไม่ได้เสนอลดดีเซล 2 บาท ส่วนเอกชนหนุดลดภาษี ดีเซล และยืดหนี้ กฟผ.โดยรัฐบาลควรออกพันธบัตรมาชดเชย

นายภัชริ นิจสิริภัช และนายรณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหาร พรรคไทยสร้างไทยและ คณะทำงานด้านพลังงานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมาระบุว่ามีแนวคิดที่เตรียมจะนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมาจำหน่ายว่า ผู้มีอำนาจ ที่รับผิดชอบดูเรื่องโครงสร้างพลังงานของประเทศยังไม่รู้จักโครงสร้างราคาน้ำมันและไม่รู้จักกลไกของน้ำมันที่แท้จริง โดยเฉพาะเมื่อต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ใครจะเป็นผู้นำเข้า รัฐบาลจะดำเนินการเองหรือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพและเงินทุนมากเพียงพอเพราะส่วนต่างกำไรของการค้าน้ำมันน้อยมาก เป็น Economy of scale


นายภัชริ ตั้งคำถามถึง ใครจะเป็นคนจัดจำหน่าย จะจำหน่ายปันส่วนอย่างไรให้เพียงพอกับความต้องการ ที่มากถึงวันละเกือบประมาณ 1ล้านบาร์เรล และเราจะนำเข้าน้ำมันจากที่ใดโรงกลั่นที่ใด ให้คุ้มค่ากับค่าขนส่ง ขณะที่การจัดเก็บภาษีต่างๆ จะยกเว้นหรือไม่ หรือจัดเก็บเหมือนเดิม ถ้าจัดเก็บเหมือนเดิมราคาน้ำมันจะถูกกว่าเดิมอย่างไร

ส่วนต้นทุนการกลั่นน้ำมันทั่วโลกใกล้เคียงกัน หมายถึงราคาหน้าโรงกลั่นทั่วโลกก็จะพอกัน เพราะมีราคากลางที่อ้างอิงกันทั่วโลก และเมื่อมีการนำเข้าเสรีการควบคุมใครจะเป็นคนควบคุมโดยเฉพาะน้ำมันเถื่อนที่ทะลักเข้ามา ที่สำคัญหากนำเข้าได้จริง โรงกลั่นที่อยู่ในประเทศไทยทั้ง7แห่ง จะดำเนินการอย่างไร และมีแผนรองรับอุตสาหกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรงกลั่นมากมาย รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร


นายรณกาจ ระบุว่า ประเทศไทยบริโภคน้ำมันวันละเกือบ 1 ล้านบาร์เรล ผลิตเองได้ไม่ถึง 200,000 บาร์เรล ต้องนำเข้าเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ และจะมีแหล่งน้ำมันสำเร็จรูปขนาดไหน ที่จะรองรับปริมาณมหาศาลขนาดนี้ หากวันใดต้นทางไม่ขายให้ โรงกลั่นที่มีอยู่ก็ปิดตัวลงหรือกำลังการผลิตลดลง จะกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่

ด้านแหล่งข่าวจากวงการน้ำมันระบุว่าข้อเท็จจริง ในขณะนี้ การค้าน้ำมันของไทยเป็นระบบเสรีอยู่แล้ว ผู้ค้ามาตรา7 สามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้ แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขมาตรฐานน้ำมันตามกฏหมายไทย ที่ปัจจุบัน มาตรฐานยูโร4 และจะปรับเป็นยูโร5 ในวันที่ 1 ม.ค. 66 ซึ่งมาตรฐานสูงขึ้นก็จะทำให้ราคาแพงขึ้นด้วยเพราะต้นทุนการกลั่นจะสูงขึ้น โดยปัจจุบันต้นทุนราคาน้ำมันขายปลีกของไทย ร้อยละ 40-60 มาจากเนื้อน้ำมัน/ร้อยละ 30-40 มาจากภาษีน้ำมัน, ร้อยละ 5-20 มาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง,และร้อยละ 10-18 มาจากค่าการตลาดน้ำมัน และค่าการตลาดน้ำมันของไทยมีการสำรวจต้นทุนทุก 5 ปีพบว่าอัตราเหมาะสมเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 2 บาท/ลิตร เนื่องจากมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาตลอด จากทั้งค่าเช่าที่ดิน ,ค่าจ้างเด็กปั๊ม,ค่าน้ำ,ค่าไฟ และคาดกันว่าค่าการตลาดจะเพิ่มขึ้นในปี 67 หลังไทยใช้มาตรฐานน้ำมันใหม่ยูโร 5

ในส่วนค่าไฟฟ้า งวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 66 ) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย มาจากค่าไฟฐานราว 3.70 บาท/หน่วยและค่าไฟอัตโนมัติ(เอฟที) 66.89 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งต้นทุนคิดเฉพาะต้นทุนค่าไฟนั้นอยู่ที่ 4.10 บาท/หน่วย ส่วนที่เหลือ ส่วนใหญ่เป็นการใช้หนี้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ที่รับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงแทนประชาชน ตั้งแต่ช่วงโควิด-19และผลกระยูเครน-รัสเซีย รวมๆแล้ว 1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้แนวทางการลดค่าไฟ ทำได้โดยการยืดหนี้ กฟผ. หรือรัฐบาลนำเงินมาอุดหนุนค่าไฟฟ้า โดยทุก 1 สตางค์ที่ลดลงต้องใช้เงินราว 600 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยอมยืดหนี้ให้ประชาชนจากเดิมชำระคืน 6 งวดเอฟที เป็น 7 งวดเอฟทีมาแล้ว


“หากรัฐบาลอุดหนุนพลังงานต่อเนื่องควรคำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศ เพราะหากราคาต่ำเกินจริง ก็จะทำให้มีการใช้แบบไม่ประหยัด กระทบต้นทุนนำเข้าของประเทศ นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำมันหากราคาถูกอาจเกิดกระบวนการลักลอบนำเข้า-ส่งออก เพราะราคาต่ำก็จะมีการไหลไปเพื่อนบ้าน ก็นับเป็นต้นทุนที่คนไทยต้องจ่ายเพื่ออุดหนุนเพื่อนบ้านไปด้วย และที่สำคัญควรต้องคำนึงถึงมาตรฐานน้ำมันของไทย ที่ขณะนี้สูงกว่าเพื่อนบ้าน” แหล่งข่าวระบุ

ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท. )เห็นด้วยในการลดต้นทุนพลังงาน โดยในส่วนของค่าไฟฟ้า เห็นว่าจะสามารถลดค่าไฟจาก 4.45 บาทเหลือ 4.25 บาท/หน่วยได้ทันทีหากยืดหนี้การชำระต่อ กฟผ.ออกไป และเพื่อไม่ให้กระทบภาระต้นทุนการเงิน กฟผ. ทางรัฐบาลก็ควรจะออกพันธบัตร รัฐบาล 5ปีมาชำระเงินให้ กฟผ. ก็จะทำให้ต้นทุนการเงิน กฟผ.ถูกลง และประชาชนจะมีทางเลือกการออมเงินเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ก็ควรจะเปลี่ยนสมมุติฐานราคาแอลเอ็นจี ก็จะทำให้ราคาค่าไฟต่ำลง และสามารถปรับค่าไฟฟ้าออกเป็น 2 ราคา เพื่อช่วยประชาชน โดยให้นำราคาก๊าซฯในประเทศมาคำนวณค่าไฟให้ภาคครัวเรือน ราคาก็จะเหลือต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย ส่วนภาคผู้ประกอบการก็สามารถใช้โครงสร้างแอลเอ็นจีนำเข้าค่าไฟก็อาจอยู่ที่ 4.25 บาทต่อหน่วย

ส่วนราคาดีเซลสามารถลดได้โดยลดภาษีดีเซล 2 บาท/ลิตร ราคาจะเหลือ 30 บาท/ลิตร ในขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ไม่ควรให้เข้ามารับภาระเพิ่มอีกเพราะขณะนี้กองทุนฯติดลบ ราว 5.7 หมื่นล้านบาทเป็นเงินบัญชีน้ำมันติดลบ 1.23 หมื่นล้านบาทและ ติดลบบัญชีแอลพีจี 4.47 หมื่นล้านบาท ตามที่ได้มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ว่ากรมสรรพสามิตกำลังจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรี ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 2 บาท นั้น กรมสรรพสามิตขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และกรมสรรพสามิตไม่ได้มีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ว่า นโยบายเร่งด่วนคือลดราคาน้ำมัน โดยอาจลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 2 บาท จากปัจจุบันเก็บลิตรละ 6 บาท เพื่อให้ราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท จากปัจจุบัน 32 บาท/ลิตร โดยต้องหารือกระทรวงพลังงานและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการลดภาษีทุก 1 บาท จะกระทบรายได้ภาษีเดือนละ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลที่ผ่านมาลดภาษีดีเซลรวม 7 ครั้ง เป็นเงินภาษีที่เสียไป 1.58 แสนล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย