กรุงเทพฯ 7 – ก.ล.ต.เดินหน้าตรวจสอบเอาผิดกรณี STARK หลังฟันลอตแรก 10 ราย เปิดเผยข้อมูลเท็จ ชี้หากพบผู้ตรวจสอบบัญชีมีความผิด เพิกถอนใบอนุญาตได้ทันที
นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงการดำเนินการกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ว่าขณะนี้ยังคงมีการดำเนินการตรวจสอบหาผู้กระทำผิด และผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายละเอียดบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ส่วน คือ ก.ล.ต. เป็นผู้ดำเนินการเอง โดยมุ่งหาบุคคลที่กระทำผิดมาลงโทษ และส่วนที่ 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) โดยทุกกระบวนการอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมาย และเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานที่สามารถทำได้ หากมีการดำเนินการเพิ่มเติมจะเปิดเผยให้ประชาชนทราบต่อไป
ส่วนการกล่าวโทษผู้กระทำผิดชุดแรก รวม 10 รายนั้น เนื่องจากพบการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง มีการตกแต่งบัญชี เข้าข่ายทุจริตหลอกลวง ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชน ส่วนการสั่งยึดอายัดทรัพย์สินตามมาตรา 267 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น หากบริษัทฯ จะยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ ก็สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้กระทำผิดรายอื่น ๆ อีก หากมีการดำเนินการเพิ่มเติมจะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบต่อไป พร้อมย้ำว่าการให้ข้อมูลเท็จแก่ผู้ลงทุน ทำให้เกิดการซื้อขายไม่ปกติ ถือว่ามีความผิด แต่จะส่งผลไปถึงการปั่นหุ้นในตลาดด้วยหรือไม่นั้น ต้องให้เกิดการซื้อขายในตลาดก่อน จึงจะมีการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
“แม้ขณะนี้ ยังไม่มีการเอาผิดไปถึงผู้ตรวจสอบบัญชี แต่โดยหลักการแล้ว ในกรณีที่ผู้ตรวจสอบบัญชีมีความผิด ก.ล.ต. มีสิทธิ์เพิกถอนใบอนุญาตผู้สอบบัญชีที่ ก.ล.ต. เห็นชอบ แต่หากเป็นผู้ที่ไม่ได้ขึ้นบัญชี กับ ก.ล.ต. ก็จะประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่ดูแลนั้น ๆ เช่น สมาคมวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น” นายธวัชชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย