กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. – รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุ ปัจจัยบวก ควรหนุนค่าไฟฟ้างวด 3/66 ควรลดลงกว่า 10% จากงวด 2/66
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวว่าค่ าไฟฟ้างวด3/66(ก.ย.-ธ.ค.) ไม่ควรเกิน 4.25 บาท/หน่วย จากงวด 2/66(พ.ค.-ส.ค.)ที่่ 4.70 บาท/หน่วยด้วย 5 ปัจจัยหลักได้แก่ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยสูงขึ้น โดยจากแห่งเอราวัณหรือจี1/61 ทะยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี นี้, ปริมาณ LNGหรือก๊าซธรรมชาติเหลว นำเข้าลดลง, ราคา LNG Spot(ตลาดจร) ลดลงมากกว่า 30% ราคางวดใหม่ไม่เกิน 14 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู จากเดิม 20 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู , ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องและ หนี้ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งงวด ค่าไฟFtงวด1 /66 และ งวด2/66ลดลงเร็วกว่าแผน ด้วยต้นทุนจริง ของ LNG ต่ำกว่าที่เรียกเก็บ Ft(เดิมประเมินหนี้รวม กฟผ.ที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนราว 1.3 แสนล้านบาท
“ปัจจัยลบของ ต้นทุนค่าไฟงวดใหม่มีแค่ เรื่องค่าเงินบาท ที่อ่อนค่าลงสิ่งที่ เอกชน และ ประชาชนอยากเห็น ในการบริหารค่าไฟฟ้า ที่ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งด้วยภาระ ค่า Ft เป็นระบบ Cost Plus ที่ผลักเป็นภาระของผู้บริโภค” นายอิศเรศกล่าว
ดังนั้น ภาครัฐ ในทุกระดับ ควรมีแนวทางบริหารจัดการ ดังนี้
1) ฝั่ง นโยบาย ควรให้แนวทางบริหารที่เหมาะสม ในแต่ละสถานการณ์ เช่น การแก้ปัญหา Over Supplyโรงไฟฟ้า ปลดล็อคด้าน Regulations โดยเฉพาะ Solar และ การเร่งจัดหา LNG ก่อนหน้าหนาวในยุโรป
2) ฝั่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.); ควรประสานผู้เกี่ยวข้อง อย่างทั่วถึง และ เปิดเผยข้อมูล เช่น สมมุติฐาน และ ต้นทุนต่างๆ ในการคำนวณ Ft รวมทั้งพิจารณาหาระบบ Fuel Adjustment Cost System แบบ Rolling ที่เร็วกว่ารอ ตามงวด 4 เดือน
3) ฝั่ง Operators (ฝ่ายปฏิบัติการ) ควรมีส่วนร่วมในการบริหารแบบ One Team เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงาน,ค่าไฟฟ้าของประเทศ ให้ดีที่สุด รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบตามหลักธรรมาภิบาล.-สำนักข่าวไทย