กรุงเทพฯ 1 มิ.ย.- STARK กลับมาเปิดเทรดวันแรกร่วงหนัก แจ้งจ่อผิดนัดอีก 6.9 พันล้านบาท ผู้ถือหุ้นกู้เรียกคืนเงินต้น 2 รุ่น ทันที 2.2 พันล้านบาท ด้าน ก.ล.ต.เปิด “ศูนย์ข้อมูลหุ้นกู้” เริ่มต้นด้วย STARK
บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) กลับมาเปิดเทรดวันแรกร่วง 89.08% หรือลดลง 2.12 บาท มาอยูที่ 0.26 บาท เมื่อเวลา 9.58 น. จากราคาวันสุดท้ายก่อนขึ้น SP (28 ก.พ.66) อยู่ที่ 2.38 บาท และเมื่อเวลา 11.38 น.ราคาอยู่ที่ 0.26 บาท มีแรงเทขายต่อเนื่องทำให้ระดับราคาปรับตัวลดลง โดย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้ซื้อขายหุ้น STARK ชั่วคราว 1 – 30 มิ.ย. 66 หลังถูกสั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ครบ 3 เดือนในวันที่ 31 พ.ค. 66 พร้อมแจ้งเตือนระมัดระวังซื้อขาย และขอให้ศึกษาข้อมูลผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 31 พ.ค. โดยหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A เงินต้นค้างชำระรวม 2,241 ล้านบาท มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้โดยพลัน และก่อให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (cross default) ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดให้การซื้อขายหลักทรัพย์ STARK ในวันแรก (1 มิ.ย.66) มีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย และซื้อด้วยบัญชี Cash Balance
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเป็นลบต่อ STARK หุ้นที่จะกลับเข้าทำการซื้อขาย เนื่องจาก
1) การชี้แจงสาธารณะ (Public presentation) เมื่อ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้บริหารไม่สามารถชี้แจงได้ในหลายจุด อาทิ อนาคตของธุรกิจ, จำนวนเงินเพิ่มทุนที่เหลือ (เนื่องจากไม่ได้นำไป1.ซื้อกิจการตามแผน)
2) การประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 31 พ.ค. มีหุ้นกู้บางชุด ไม่อนุมัติยกเว้นเหตุผิดนัดชำระ (จากการไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด) ทำให้บริษัทจะถูกเร่งให้ชำระคืนหนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าจะเกิดการ cross default (การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้บางส่วน ที่ trigger ให้หุ้นกู้อื่นที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ สามารถเรียกร้องให้ชำระคืนเงินกู้) 3
3) มุมมองของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งหากคณะกรรมการลงทุน (Investment committee) มีการปรับหุ้น STARK ออกจากหุ้นที่สามารถลงทุนได้ อาจทำให้เกิดแรงเทขาย
ด้าน STARKแจ้งผลระชุมผู้ถือหุ้นกู้ วานนี้ (31 พ.ค.) ว่า มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A จึงเป็นเหตุให้บริษัทมีภาระหนี้ทางการเงินที่ต้องชำระอย่างเร่งด่วน การใช้สิทธิดังกล่าวยังก่อให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (cross default) ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่น ๆ ทั้งหลายและทำให้เจ้าหนี้ทางการเงินอื่น ๆ ของบริษัทสามารถใช้สิทธิเรียกร้องให้หนี้ทางการเงินเหล่านั้นถึงกำหนดชำระทันที โดยในเบื้องต้น บริษัทประเมินว่าจะมีหนี้ที่เกิดการผิดนัดทั้งสิ้น ดังต่อไปนี้
หนี้หุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวน ทั้งสิ้น 2,241,000,000 บาท การผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้หุ้นกู้อีก 3 ชุดได้แก่หุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวม 6,957,400,000 บาท เกิดการผิดนัดไปด้วย และในส่วนของเจ้าหนี้ทางการเงินอื่น ๆ ที่อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน บริษัทมิได้นิ่งนอนใจ และกำลังพิจารณาทำการสื่อสาร เจรจา หาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ดังกล่าวอยู่เพื่อให้เจ้าหนี้ระงับซึ่งการใช้สิทธิดังกล่าว จึงยังไม่สามารถสรุปยอดหนี้ที่อาจมีการใช้สิทธิในแบบเดียวกันได้ เนื่องจากเหตุแห่งการเรียกชำระหนี้โดยพลันของหุ้นกู้เพิ่งจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทอยู่ในระหว่างการเตรียมแผนธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนแผนธุรกิจสำรองเพื่อรองรับผลประกอบการตามงบการเงินประจำปี 2565 ที่จะเปิดเผยภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 บริษัทจะรวมการดำเนินการใด ๆ ในส่วนของหุ้นกู้ในแผนธุรกิจและแผนสำรองดังกล่าวและเปิดเผยแนวทางในการดำเนินการของบริษัทเพิ่มเติมในภายหลัง
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า ได้ เปิดให้บริการข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน โดยรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับหุ้นกู้ไว้บนเว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566
ตามที่บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2566 ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ได้มีมติเรียกให้หุ้นกู้ของบริษัทถึงกำหนดชำระโดยพลัน (call default) จำนวน 2 รุ่น (มูลค่ารวม 2,241 ล้านบาท) ซึ่งมีรายละเอียดของหุ้นกู้ ดังนี้
(1) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 (STARK239A) มูลค่าคงค้าง 1,291.50 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
(2) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK249A) มูลค่าคงค้าง 949.50 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
การมีมติเรียกให้หุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นข้างต้นถึงกำหนดชำระโดยพลัน กรณีนี้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะมีการส่งหนังสือแจ้งให้ STARK ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถชำระได้ จะทำให้หุ้นกู้อีก 3 รุ่น (มูลค่าคงค้างรวม 6,957.40 ล้านบาท) เกิดการผิดนัดด้วย (cross default) ดังนี้
(1) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK245A) มูลค่าคงค้าง 1,701.10 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
(2) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 (STARK255A) มูลค่าคงค้าง 1,322 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
(3) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK242A) มูลค่าคงค้าง 3,934.30 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ .- สำนักข่าวไทย