“กรุงไทย​” เดิน​หน้า​พัฒนา​ดิจิทัล​แพลตฟอร์ม​-มุ่งสู่​ ESG

กรุงเทพ​ฯ​ 4 เม.ย. – ธนาคาร​กรุงไทย​ขับเคลื่อน​แผนงาน 5 ปี พ.ศ. ​2566-2570 ภายใต้​ยุทธศาสตร์​ 7​ข้อเพื่อรับภูมิทัศน์ใหม่​ทางการ​เงินจากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว​


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน CEO Vision : Business Strategy 2023 ที่สาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานด้าน e-Governance และเทคโนโลยีภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ธนาคารกรุงไทยกำหนดแผนงาน 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิจธนาคารในระยะต่อไป ตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่ที่เปิดกว้าง 3 ด้านคือ


  • Open Infrastructure การเปิดกว้างทางโครงสร้างพื้นฐาน
  • Open Data การเปิดกว้างของข้อมูล
  • Open Competition การเปิดกว้างทางการแข่งขัน

สำหรับแผนงาน  5 ปีของกรุงไทยที่กำหนดเพื่อรองรับการเปิดกว้าง 3 ด้านอยู่ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้

​1. ปลดล็อคศักยภาพในการสร้างมูลค่าจากการทำธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้า (X2G2X) เร่งต่อยอดยุทธศาสตร์ X2G2X ให้เกิดการเชื่อมโยงในเชิงลึกในกลุ่มลูกค้าต่างๆ ทั้ง B2B B2C G2B และ G2C และมีแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คู่ค้าของลูกค้า ทั้งการเร่งสร้าง Economic Value จากแอปฯ เป๋าตัง และถุงเงิน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้แข็งแกร่ง ต่อยอดความร่วมมือที่ได้ลงทุนไปแล้วทั้งระบบ Smart Transit  ตั๋วร่วม Smart Hospital และ Digital Business Platform เป็นต้น

2. ขับเคลื่อนประสิทธิภาพองค์กรด้วยดิจิทัลและข้อมูล เร่งนำข้อมูลและเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็น Process Digitalization โดยนำระบบ RPA หรือ Robotic Process Automation และการใช้ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานภายในของธนาคารมากขึ้น ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้กระดาษ (Paperless) นำไปสู่โครงสร้างการประเมินอัตรากำลังที่เหมาะสมในการให้บริการผ่านสาขา ผสมผสานการให้บริการออนไลน์สู่ออฟไลน์ได้เต็มศักยภาพ โดยช่องทางสาขาจะถูกปรับเป็นการให้บริการทางธุรกิจ และอยู่ระหว่างการทดสอบในพื้นที่ EEC ซึ่งไม่เกิน 2-3 เดือนจะได้เห็นรูปแบบใหม่ หรือการ Modernize ของสาขาใหม่ นำร่อง 20 สาขา ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่โดยจะใช้ระบบ e-Solution เปลี่ยนกระบวนการให้บริการในสาขาให้ทันสมัยตอบโจทย์ นำประสิทธิภาพของข้อมูลมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าครบทั้งออนไลน์และออฟไลน์


เมื่อประชาชนเข้าไปใช้บริการจะเห็นถึงความแตกต่างใหม่ อาทิ การทำธุรกรรมทั้งหมด พนักงานในสาขาให้บริการด้วยแทบเล็ต ระบบเคาน์เตอร์จะลดลง ใช้ระบบสมาร์ทคิวเพื่อลดการเข้าคิว และช่วยให้ลูกค้าจบกิจกรรมได้รวดเร็ว โดยกิจกรรมสาขาบางจุดจะตอบโจทย์ SMEs ด้วย โดยเปลี่ยนช่องทางให้บริการรายย่อยเป็นช่องทางให้คำแนะนำผู้ประกอบธุรกิจและอาชีพอิสระ

การรอคิวน้อยลง คนสามารถรู้สึกว่า จุดบริการแบงก์รู้จักเขามากขึ้น ตอบโจทย์เขามากขึ้น ระหว่างที่รอเขาได้รับบริการโซลูชั่นครบถ้วนแบบที่ทันสมัย 

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยชะลอแผนการปิดสาขาออกไปชั่วคราวก่อน เพราะต้องพิจารณาเรื่องการตอบโจทย์สังคมด้วย โดยมีการสำรวจว่าแม้สาขาที่ไม่กำไร แต่ตั้งอยู่ในจุดที่ประชากรในบริเวณรัศมี 4 – 10 กิโลเมตร ไม่มีธนาคารเลย ทางกรุงไทยก็จะยังไม่รีบปิด ถือเป็นสิ่งที่เราดูแลและให้ความสำคัญให้บริการครอบคลุม โดยไม่ได้เน้นกำไรเต็มที่จนทำให้ภาคพื้นที่บางส่วนเหลื่อมล้ำขึ้นมาในการเข้าถึงบริการทางการเงิน

3. เปิดตัวแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างการเติบโตในมิติใหม่ พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่สามารถ      ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ทั้ง Virtual Banking ที่ธนาคารจะร่วมกับพันธมิตร เพื่อดำเนินการ และโฟกัสไปที่ Wealth-Tech เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินในทุกระดับชั้น ต่อยอดสร้างศักยภาพการออม เสริมสร้างความมั่งคั่งให้คนไทย เรามีโอกาสเติบโตมาก เพราะเรามีกลุ่มลูกค้า ในเซคเมนท์เวลธ์ที่ต่างกว่าแบงก์คู่เทียบค่อนข้างเยอะ เราถึงมองเป็นโอกาส เร่งสร้างแพลทฟอร์มครอสเซลกลุ่มลูกค้า

ส่วนความคืบหน้าเรื่อง Virtual Bank หรือธนาคารเสมือนจริง (Virtual Bank) ที่ได้ลงนาม MOU กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) เพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ให้บริการ Virtual Bank ขณะนี้รอธนาคารแห่งประเทศไทยออกเกณฑ์ โดยธนาคารกรุงไทยกับเอไอเอสเตรียมความพร้อม รูปแบบจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ลงทุนร่วมกัน และตั้งใจจะเป็นหนึ่งในองค์กรที่พร้อมยื่นไลเซนส์รายแรกๆ

4. เน้นเรื่อง Sustainability การตอบโจทย์เรื่อง Climate Change สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม เท่าเทียม และยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG  สนับสนุนประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม โปร่งใส  ลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างการกระจายรายได้ เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้า SME ที่มี 1.5 – 1.6 ร้านค้าทั่วประเทศ กับ Digital Economy และเร่งปรับตัวเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

5. พัฒนาและเสริมสร้างขีดความสามารถการทำงานแห่งอนาคต เร่งสร้างการบริหารความเสี่ยงที่ มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความพร้อมของระบบรองรับ PDPA & Cyber Risk เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า  ทุกกลุ่ม บริหารจัดการ NPL และ NPA เพื่อแก้ปัญหาปรับแป็นสินทรัพย์ที่สร้างคุณค่าในเวลารวดเร็วขึ้น พร้อมบูรณาการบริษัทในเครือ สร้างประโยชน์จากสินทรัพย์ให้เต็มศักยภาพ บนความร่วมมือแบบ ONE Krungthai

6. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีหลักขององค์กร  ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT และ Digitalization อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย มั่นคง ปลอดภัย มีเสถียรภาพ มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

7. ปฏิรูปวัฒนธรรมและปลูกฝังวิธีการทำงานแบบใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยความคล่องตัว ปรับวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ให้เป็นไปในลักษณะ Agility มีความกระฉับกระเฉง โดยอาศัยหลักการแบบ Fail Fast Learn Fast ยกระดับพนักงานให้มีทักษะใหม่ๆ (Upskill/Reskill)  สามารถดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถในระดับประเทศและระดับโลกเข้ามาทำงานเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เป็นองค์กรแห่งการสร้างผู้นำในอนาคต

ทั้ง 7 ยุทธศาสตร์นี้ ธนาคารกรุงไทย มุ่งหน้าสู่ปี 2027 เน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม สร้าง Economic Value โดยโครงสร้างกำไรสุทธิต้องมาจากต้นทุนและรายได้ที่เหมาะสม หลายบริบทของธนาคารกรุงไทยไม่ได้เน้นกำไรมหาศาล (Maximize Profit) แต่เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มหรือกำไรอย่างยั่งยืน (Optimize Profit) ตระหนักถึงคู่ค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตั้งแต่รัฐในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และประชาชนคนไทย ทำให้เห็นว่า ธนาคารกรุงไทยเป็นกลไกหนึ่งสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ประชาชน ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการไทย แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การเร่งลงทุนด้านไอทีดิจิทัลมีต้นทุน (cost) สูงขึ้น แม้การลงทุนเรื่องนี้เป็น asset แต่จะต้องวางสัดส่วนการลงทุนให้สอดประสานสมดุลกับการเติบโตของรายได้ ดังนั้นต้องไม่ให้ cost แซงรายได้ ซึ่งจะเห็นว่า เป็นความเสี่ยงบางธนาคารตอนนี้

นายผยงกล่าวต่อว่า กรุงไทยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ให้สูงสุดในองค์กร หรือ Digital Adoption ซึ่งเป็นเทรนด์โลกขณะนี้ การมาดูงานด้านดิจิทัลที่สาธารณรัฐเอสโตเนียซึ่งก้าวหน้าเรื่องของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ e-Government ที่ได้รับการยอมรับที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ธนาคารพยายามเรียนรู้และทำความเข้าใจเมกะเทรนด์และนำมาประยุกต์ใช้ โดยพิจารณานำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่น่าสนใจไปต่อยอดในเรื่อง ecosystem open platform open economy เพื่อเข้าสู่ New Generation โดยมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจของเอสโตเนียในการสร้าง Digital Infrastructure ที่รัฐและเอกชนสามารถสร้างบริการทางดิจิทัลได้ถึง 3,000 บริการ โดยกรุงไทยเชื่อว่า การขับเคลื่อนเรื่อง Open platform เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีเงินหมุนเวียนในระบบถึง 6 แสนบ้านบาทในแพลทฟอร์มที่กรุงไทยพัฒนาร่วมกับพันธมิตรและสามารถตอบโจทย์ผู้คนได้ถึง 40 ล้านคน ปัจจุบันเรามีผู้ใช้งานในระบบโอเพ่นแพลตฟอร์ม 40 ล้านคน ส่วนระบบปิดมี 16 ล้านคน

ความเสี่ยงของภาคธนาคารในปี 2023 มีทั้งเรื่อง Geopolitics โลกแบ่งเป็นสองขั้วระหว่างจีน กับตะวันตก ทำให้ supply chain ถูกแบ่ง และเทคโนโลยีก็มี 2 รูปแบบ ทำให้ไทยต้องวางสมดุลเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง Generation Shift ที่เราต้องเปลี่ยนผ่านให้ได้ เราเห็นคนรุ่นใหม่ เริ่มสร้างการผันแปรทางการเมืองค่อนข้างมาก แต่การตอบโจทย์ในแง่ธุรกิจ เรามองถึงการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ไปจนถึงคุณภาพสินเชื่อที่เขาต้องการในการสร้างครอบครัวของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป อื่นๆยังเป็นความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจยุโรปผันผวน ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้มีผลทั้งสิ้นต่อระบบธนาคารพาณิชย์ ในเรื่องโครงร้างหนี้ การเยียวยาลูกหนี้ที่ประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติ และปัญหาทางเศรษฐกิจอื่นๆ

นอกจากนี้กรุงไทยยังคงเดินหน้ามุ่งมั่น คุม NPL ให้อยู่ต่ำกว่า 3.5 % อัตราส่วนเงินสํารองที่มีอยู่ ต่อ NPL (NPL coverage ratio) อยู่ที่ประมาณ 170 % โดยคาดหวังว่า NPLจะลดลง เท่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมการเงินที่เฉลี่ย 2.8 %

ภารกิจที่กรุงไทยกำลังให้ความสำคัญมาก คือ เรื่องการสร้างความยืดหยุ่นในองค์กร (Resilience) การเร่งการเปลี่ยนแปลงร่วมแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนประเทศในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ที่ผ่านมา คือการเร่งฟื้นฟูและสร้างธรรมาภิบาลองค์กร ไม่ทนต่อการทุจริต วางระบบกลไกตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้สาธารณชนจากที่เคยมีปัญหาเรื่องการฉ้อฉลต่างๆ ในอดีต

ส่วนเรื่อง ESG Governance Finance Exclusive ที่กรุงไทยดำเนินการที่ผ่านมา จะขับเคลื่อนต่อไป และที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น คือ เรื่อง Climate Change ที่จะหาแนวทางให้ธนาคารกรุงไทยตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย