เตรียมแผนรับมือประชาชนเดินทางกลับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

กรุงเทพฯ 30 มี.ค.-บขส. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมแผนเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 คาดมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาไม่ต่ำกว่า 60,000 คน จัดรถโดยสารรองรับกว่า 4,500 เที่ยว มั่นใจสามารถจัดรถโดยสารให้บริการได้เพียงพอ ไม่มีตกค้าง 


ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแผนปฏิบัติการเดินรถวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 5 วันบขส. จึงได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และจัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยคาดการณ์เทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2566 ประมาณ 10 % โดยในเที่ยวไป ระหว่างวันที่ 10 – 12 เมษายน 2566 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 60,000 คน  ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,500 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับระหว่างวันที่ 16 – 18 เมษายน 2566 คาดว่ามีผู้โดยสารเดินทาง เฉลี่ยวันละ 53,000 คน ใช้รถโดยสารประมาณ 3,300 เที่ยว และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถทะเบียน 30) มาจัดเสริมในเส้นทางต่างๆ ประมาณ 700 คัน จึงมั่นใจมีรถโดยสารเพียงพอรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างแน่นอน

“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถโดยสาร ที่สถานีขนส่งฯ ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น และให้ตรวจสอบข้อมูลในตั๋วโดยสาร เช่นเส้นทาง , เวลารถออก , จุดขึ้นรถทุกครั้ง นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าช่องขายตั๋วให้ชัดเจน เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบและป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสาร” ดร.สัญลักข์ กล่าว


ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ บขส. ได้เปิดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิApplication : E-ticket  , Website บขส. : https://tcl99web.transport.co.th , ตัวแทนจำหน่ายตั๋ว และช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ สำหรับยอดจองตั๋วล่วงหน้าเดินทาง ในเส้นทางภาคเหนือ ,ภาคใต้ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ของ บขส. ขณะนี้อยู่ที่ประมาณกว่า 80 % ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยเส้นทางกรุงเทพฯ -เชียงใหม่ , กรุงเทพฯ – นครพนม , และกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ มียอดจองตั๋วล่วงหน้ามากที่สุด 

นอกจากนี้ บขส. ได้จัดโครงการ “สุขสันต์วันสงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ลด 10% (ไปก่อน-กลับทีหลัง)” มอบส่วนลดค่าโดยสาร 10 % (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ให้กับลูกค้าที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket หรือ Website บขส.  https://tcl99web.transport.co.th เดินทางเที่ยวไประหว่างวันที่ 3 – 9 เมษายน 2566 หรือเที่ยวกลับระหว่างวันที่ 18 – 24 เมษายน 2566 เพื่อมอบเป็นของขวัญวันสงกรานต์ และสนับสนุนให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ลดความแออัดของผู้โดยสาร ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งได้เปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ – 12 เมษายน 2566 เวลา 08.30 – 16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02 901 2338 หรือ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ บขส. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยขอใช้พื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เป็นจุดกลับรถ , กองบังคับการตำรวจจราจร สน.บางซื่อ, สน.ตลิ่งชัน และ สน.ทองหล่อ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยและการจราจรโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง, จัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์สารเสพติดของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ ตั้งจุดตรวจรถโดยสารบนทางหลวงสายหลัก และขอความร่วมมือองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ นำรถโดยสารมารับผู้โดยสารในเที่ยวกลับ บริเวณชานชาลาขาเข้า สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ด้านความปลอดภัยของรถโดยสารและพนักงานขับรถ ได้เน้นย้ำให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง โดยตรวจเช็ครถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควบคุมความเร็วบนรถโดยสาร ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาวที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง 


อย่างไรก็ตาม ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พนักงานขับรถต้องปลอดแอลกอฮอล์และสารเสพติด และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการ 4 พร้อม คือ สถานีพร้อม, พนักงานพร้อม, รถโดยสารพร้อม และการบริการพร้อม ในการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารทั้งนี้ ผู้โดยสาร สามารถสอบถามข้อมูลในการเดินทาง และแจ้งปัญหาในการเดินทาง ได้ที่จุดรับเรื่องร้องเรียน บริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย                                             

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]