เตรียมแผนรับมือประชาชนเดินทางกลับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

กรุงเทพฯ 30 มี.ค.-บขส. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมแผนเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 คาดมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาไม่ต่ำกว่า 60,000 คน จัดรถโดยสารรองรับกว่า 4,500 เที่ยว มั่นใจสามารถจัดรถโดยสารให้บริการได้เพียงพอ ไม่มีตกค้าง 


ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแผนปฏิบัติการเดินรถวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 5 วันบขส. จึงได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และจัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยคาดการณ์เทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2566 ประมาณ 10 % โดยในเที่ยวไป ระหว่างวันที่ 10 – 12 เมษายน 2566 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 60,000 คน  ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,500 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับระหว่างวันที่ 16 – 18 เมษายน 2566 คาดว่ามีผู้โดยสารเดินทาง เฉลี่ยวันละ 53,000 คน ใช้รถโดยสารประมาณ 3,300 เที่ยว และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถทะเบียน 30) มาจัดเสริมในเส้นทางต่างๆ ประมาณ 700 คัน จึงมั่นใจมีรถโดยสารเพียงพอรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างแน่นอน

“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถโดยสาร ที่สถานีขนส่งฯ ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น และให้ตรวจสอบข้อมูลในตั๋วโดยสาร เช่นเส้นทาง , เวลารถออก , จุดขึ้นรถทุกครั้ง นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าช่องขายตั๋วให้ชัดเจน เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบและป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสาร” ดร.สัญลักข์ กล่าว


ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ บขส. ได้เปิดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิApplication : E-ticket  , Website บขส. : https://tcl99web.transport.co.th , ตัวแทนจำหน่ายตั๋ว และช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ สำหรับยอดจองตั๋วล่วงหน้าเดินทาง ในเส้นทางภาคเหนือ ,ภาคใต้ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ของ บขส. ขณะนี้อยู่ที่ประมาณกว่า 80 % ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยเส้นทางกรุงเทพฯ -เชียงใหม่ , กรุงเทพฯ – นครพนม , และกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ มียอดจองตั๋วล่วงหน้ามากที่สุด 

นอกจากนี้ บขส. ได้จัดโครงการ “สุขสันต์วันสงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ลด 10% (ไปก่อน-กลับทีหลัง)” มอบส่วนลดค่าโดยสาร 10 % (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ให้กับลูกค้าที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket หรือ Website บขส.  https://tcl99web.transport.co.th เดินทางเที่ยวไประหว่างวันที่ 3 – 9 เมษายน 2566 หรือเที่ยวกลับระหว่างวันที่ 18 – 24 เมษายน 2566 เพื่อมอบเป็นของขวัญวันสงกรานต์ และสนับสนุนให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ลดความแออัดของผู้โดยสาร ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งได้เปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ – 12 เมษายน 2566 เวลา 08.30 – 16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02 901 2338 หรือ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ บขส. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยขอใช้พื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เป็นจุดกลับรถ , กองบังคับการตำรวจจราจร สน.บางซื่อ, สน.ตลิ่งชัน และ สน.ทองหล่อ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยและการจราจรโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง, จัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์สารเสพติดของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ ตั้งจุดตรวจรถโดยสารบนทางหลวงสายหลัก และขอความร่วมมือองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ นำรถโดยสารมารับผู้โดยสารในเที่ยวกลับ บริเวณชานชาลาขาเข้า สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ด้านความปลอดภัยของรถโดยสารและพนักงานขับรถ ได้เน้นย้ำให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง โดยตรวจเช็ครถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควบคุมความเร็วบนรถโดยสาร ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาวที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง 


อย่างไรก็ตาม ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พนักงานขับรถต้องปลอดแอลกอฮอล์และสารเสพติด และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการ 4 พร้อม คือ สถานีพร้อม, พนักงานพร้อม, รถโดยสารพร้อม และการบริการพร้อม ในการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารทั้งนี้ ผู้โดยสาร สามารถสอบถามข้อมูลในการเดินทาง และแจ้งปัญหาในการเดินทาง ได้ที่จุดรับเรื่องร้องเรียน บริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย                                             

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย