กรุงเทพฯ 13 ก.พ.-บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เดินหน้านโยบายขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์หลักแสวงหาโอกาสและความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมต่างๆรองรับการขยายตัวของชุมชนเมืองโดยรอบทางยกระดับฯ เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้ตั้งคณะทำงานทั้งหมดเพื่อคลอบคลุม 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ คณะทำงานSafer Road Traffic Management คณะทำงาน Inclusive Growth คณะทำงาน Other Non-Toll Road Business คณะทำงาน ESG คณะทำงาน HPO Resilience Management และ คณะทำงาน DMT Excellence Recognition เพื่อขับเคลื่อนทางธุรกิจ โดยมีผู้บริหารของบริษัทฯ เป็นผู้ขับเคลื่อน และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อให้องค์กรเติบโต ตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ Other Non-Toll Road Business ที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจด้านอื่นๆการร่วมมือกับทางด่วนญี่ปุ่นในการศึกษาลงทุนทำธุรกิจด้าน Inspection/Maintenance และยุทธศาสตร์ Inclusive Growth ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาจุดเชื่อมต่อกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ระยะที่ 3 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อเดิม) และรวมถึงการรองรับการขยายตัวของชุมชนโดยรอบทางรถไฟฟ้าสายสีแดง การขยายตัวของเมืองรังสิต ปทุมธานี ที่กำลังมีหมู่บ้านและชุมชนเกิดขึ้นมากมาย ไม่เพียงแต่การดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอีกด้วย
ดร.ศักดิ์ดาฯ กล่าวเสริมว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ระยะที่ 3 ที่ทอท. อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียด DMT ได้เข้าร่วมให้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ประกอบการศึกษาโครงการ ตั้งแต่การศึกษาการจัดทำแผนแม่บทโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 โดยเมื่อปี 2559 ได้ส่งข้อมูลปริมาณจราจรบนทางยกระดับดอนเมือง และข้อมูลปริมาณจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ทางเข้า-ออก สนามบิน ที่บริษัทฯ เก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ ทอท. ใช้ในการศึกษาออกแบบโครงการในภาพรวม
“เรายินดีที่จะสนับสนุนโครงการต่อไปในขั้นตอนปัจจุบันที่จะมีการการออกแบบรายละเอียด (Detail Design) โดยในอดีต DMT ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อคิดเห็นในการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาในการสร้างทางเชื่อม และ ด้านวิศวกรมจราจร ในการวิเคราะห์รูปแบบออกแบบตำแหน่งทางเชื่อมสนามบินดอนเมืองเพื่อไม่ให้มีผลกระทบด้านการจราจร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา DMT รับทราบแนวทางการออกแบบของ ทอท. ที่มีการปรับปรุงแก้ไขหลายรูปแบบ และบริษัทฯ ยืนยันว่ายินดีสนับสนุน เพราะเห็นว่าการพัฒนาโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และการพัฒนาประเทศในภาพรวมเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีท่องเที่ยวที่ใช้บริการสนามบินดอนเมืองมากยิ่งขึ้น ในส่วนการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบนถนนวิภาวดีนั้น DMT ได้พิจารณาศึกษาโครงการทางเชื่อมยกระดับอุตราภิมุขในบริเวณต่างๆ ที่มีความเหมาะสม ทั้งด้านวิศวกรรมโครงสร้าง ด้านวิศวกรรมจราจร ด้านความเหมาะสมด้านการเงิน และข้อสัญญาสัมปทาน” ดร.ศักดิ์ดาเผย
ดร.ศักดิ์ดาให้ข้อมูลต่อว่า ช่วงที่ผ่านมา DMT ได้หารือ ด้านโครงสร้างและด้านวิศวกรรมจรารจร ร่วมกับ ทอท. ก็พบว่า ทางเชื่อมระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองเชื่อมกับทางยกระดับอุตราภิมุขโดยตรงที่ ทอท. ออกแบบนั้นมีความเหมาะสม เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารสนามบิน (จากในปัจจุบันที่จะต้องออกประตู 8) ก็สามารถใช้ทางยกระดับดอนเมืองได้โดยตรงช่วยลดความแออัดบนถนนวิภาวดีรังสิต ได้อย่างมาก และทางเชื่อมดังกล่าวนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของ บริษัทฯ เนื่องจากได้พัฒนาระบบ M-pass / Easy Pass ไว้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการที่เพิ่มขึ้นในอนาคตสำหรับทางขึ้นลงบริเวณอื่นๆ
“บริษัทฯ อยู่ระหว่างทำการศึกษาการลงทุนก่อสร้างทางเชื่อม ทางขึ้น-ลง อื่นๆ บนโครงข่ายถนนวิภาวดีรังสิต ที่นอกจากทางเชื่อมออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองนี้ โดยยินดีจะหารือกับกรมทางหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด บนถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อให้ผู้ใช้ทางได้ประทับใจในการให้บริการของบริษัทฯ ยิ่งขึ้นไป” ดร.ศักดิ์ดา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ DMT เป็นผู้รับสัมปทานโครงการสัมปทานทางยกระดับช่วงดินแดงถึงอนุสรณ์สถาน หรือทางยกระดับดอนเมืองระยะทาง 21 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ทางหลวงสัมปทานเดิม ช่วงดินแดง-ดอนเมือง และส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ช่วงดอนเมืองอนุสรณ์สถานฯ โดย DMT ดำเนินการบริหารทั้งการจัดเก็บค่าผ่านทาง, การอำนวยความสะดวกในการจราจร การกู้ภัยและการซ่อมบำรุงรักษาทางยกระดับ ประกอบด้วยด่านเก็บค่าผ่านทาง 11 ด่าน, มีทางขึ้น 15 แห่ง และทางลง16 แห่ง มีอายุสัมปทานถึงวันที่ 11 กันยายน 2577.-สำนักข่าวไทย