บีทีเอส ชี้แจง กรณีจ้างเดินรถสายสีเขียว

กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – บีทีเอสชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ยืนยัน ทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน


นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ และนายสยาม สีวราภรณ์สกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายงานกฎหมาย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “การทำสัญญาจ้างเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว”

กรณี บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนถึงข้อมูล และประเด็นของคำให้การที่กรุงเทพธนาคม จะยื่นต่อศาลปกครอง เกี่ยวกับคดีที่ 2 ที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ฟ้องให้ กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ชำระค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสำหรับเดือนมิถุนายน 2564 ถึงเดือนตุลาคม 2565 เป็นจำนวนกว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งกรุงเทพธนาคมได้กล่าวอ้างว่า สัญญาจ้างเดินรถที่กรุงเทพธนาคม ทำกับรถไฟฟ้าบีทีเอส “เป็นสัญญาที่ไม่ชอบ” พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า การใช้สิทธิฟ้องคดีของ BTSC “เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพราะบีทีเอสทราบดีอยู่แล้วว่าบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ได้ด้วยตนเอง แต่บีทีเอสยังสมัครใจเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ (กล่าวคือ กรุงเทพธนาคม) ซึ่งไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าทำสัญญาได้ แล้วจึงกลับมาฟ้องบริษัท กรุงเทพธนาคมเป็นคดี


นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่าข้อมูลที่กรุงเทพธนาคม เผยแพร่ต่อสาธารณชน เป็นข้อมูลที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย จากการที่ทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย ของสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตลอดจนทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของบริษัทฯ ต่อสาธารณชน ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าบริษัทฯ ไม่สุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยรับทราบอยู่แล้วว่ากรุงเทพธนาคมไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ และยังไม่สุจริตมาฟ้องกรุงเทพธนาคมเป็นคดีอีก

เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียง บริษัทฯ ต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบถึงความถูกต้องในการดำเนินการของบริษัทฯ เกี่ยวกับการรับจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ว่า บริษัทฯ ไม่มีสิทธิหรือความเกี่ยวข้องใด ๆ ในกระบวนการอนุมัติและการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและ หรือข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม และเชื่อมั่นมาโดยตลอด ว่ากรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ซึ่งโดยปกติจะมีคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหรือข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และถูกต้องแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าทั้งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 เฉพาะในขั้นตอนการยื่นข้อเสนอเพื่อรับคัดเลือกเป็นผู้รับจ้าง และการเจรจาสัญญาว่าจ้างเท่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าว บริษัทฯ ได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกฎเกณฑ์การคัดเลือกผู้รับจ้างอย่างถูกต้องครบถ้วน ดังนั้น การเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ของบริษัทฯ จึงเป็นไปโดยสุจริต และถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งมีผลทำให้สัญญามีความชอบด้วยกฎหมาย และผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตั้งแต่ปี 2555 และคู่สัญญาได้ถือปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวมาโดยตลอด


นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ขอเรียนเพิ่มเติมอีกว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ค้างชำระค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ ได้พยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้างชำระค่าจ้างดังกล่าว โดยบริษัทฯ ต้องอาศัยเงินทุนและการเงินกู้ยืมของบริษัทฯ มาดำเนินการ และชำระค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่ประชาชน และ ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว บริษัทฯ ก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในการชำระเงินค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้ถูกต้อง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าแม้ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่บริษัทฯ ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขแดงที่ 1926/2565 บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้รับชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายครบถ้วน และยังคงปล่อยให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นเอกชนเป็นผู้แบกรับภาระการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งหมดให้แก่ประชาชน

นายสุรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงข้อมูล และประเด็นทั้งหมดที่กรุงเทพธนาคมจะให้การต่อศาลปกครองของตามที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว จะเห็นได้ว่ากรุงเทพธนาคมได้ชี้แจงว่าได้มีการตรวจสอบเชิงลึกแล้ว และมีความเห็นว่าสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบริษัทฯ ใช้สิทธิไม่สุจริตในการฟ้องคดี บริษัทฯ จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความเห็นของกรุงเทพธนาคมดังกล่าวว่า หากกรุงเทพธนาคมได้ตรวจสอบ และเชื่อโดยสุจริตตามความเห็นดังกล่าว เหตุใดกรุงเทพธนาคมยังคงยอมรับ และปฏิบัติตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ ทั้งในส่วนของสัญญาระหว่างกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม และสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคม และบริษัทฯ โดยเฉพาะในส่วนของสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคมและบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ยังคงต้องให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตามสัญญาจ้างเดินรถต่อไป แต่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมกลับยังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายและเลือกแต่จะกล่าวอ้างตามความเห็นดังกล่าว

ดังนั้นการอ้างความเห็นว่ายังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถให้แก่บริษัทฯ เพราะเห็นว่าสัญญาจ้างเดินรถไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความเห็นดังกล่าวก็ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดง ที่ 356/2565 ได้เคยวางหลักไว้ว่า ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้สัญญาเป็นโมฆะ ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าสัญญาเป็นโมฆะ และคู่สัญญาฝ่ายรัฐต้องชำระหนี้ตามสัญญาให้กับคู่สัญญาฝ่ายเอกชน เพื่อเป็นการตอบแทนที่คู่สัญญาฝ่ายเอกชนได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาแล้ว ดังนั้น การที่กรุงเทพมหานครและกรุงเทพธนาคมยังคงไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้โดยกล่าวอ้างตามความเห็นข้างต้น จะยิ่งสร้างความเสียหายมากขึ้นให้แก่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน

จากที่กล่าวมาทั้งหมด บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมจะให้ความอนุเคราะห์ในการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้กับประชาชนอย่างจริงใจ โดยเร็วและไม่ปล่อยให้เอกชนเป็นผู้รับภาระการเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่ประชาชนโดยลำพังอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ขอเรียนผู้โดยสารทุกท่านว่า บริษัทฯ จะยังคงใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อไป บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง และสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อให้ทุกท่านเข้าใจ และรับทราบข้อมูลนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถกเหตุ “ภูเก็ต-พังงา” ขอมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- นายกฯ เรียก ผบ.ตร.-ผบช.ทท.-ปลัดท่องเที่ยว รายงานสถานการณ์ลอบวางระเบิด “ภูเก็ต-พังงา” ขอประชาชน-นักท่องเที่ยวมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี ขณะที่ “ภูมิธรรม” เรียกหน่วยงานความมั่นคงถกช่วงบ่าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความภายหลังเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) และน.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจากสถานการณ์ที่มีความพยายามวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา วันนี้ (27 มิ.ย.) ดิฉันได้เชิญท่าน ผบ.ตร. ท่านผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และท่านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้รับรายงานจากทุกภาคส่วนว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความไม่สงบ ดิฉันได้ย้ำทุกภาคส่วนให้มีการสืบสวนติดตามสถานการณ์นี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ดำเนินทุกมาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดแก่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามค่ะ รัฐบาลจะไม่ประมาท ทางสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะดำเนินการติดตามและยกระดับการทำงานต่อไปอย่างเข้มงวด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ทางท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวัง และเร่งออกมาตรการที่เด็ดขาดต่อไป ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทำหน้าที่นี้ด้วยความตั้งใจ เสียสละ […]

“ชัยเกษม” ลั่นหากจำเป็น พร้อมเป็นนายกฯ เพื่อชาติบ้านเมือง

27 มิ.ย. – “ชัยเกษม” ลั่นพร้อมทำเพื่อชาติ หากจำเป็นต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตอนนี้แข็งแรง ไม่มีปัญหา ท่ามกลางกระแสการเมืองร้อนแรง ปมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ทำให้บุคคลที่ถูกจับตามองตอนนี้ คือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ อาจถูกมองว่ามีปัญหาด้านสุขภาพแต่ล่าสุด มีภาพนายชัยเกษม โชว์สวิงออกรอบตีกอล์ฟ แสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรง ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดเผยในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง 9 MCOT HD ว่า “ตอนนี้แข็งแรง เรียบร้อยหมดทุกอย่าง เพราะก้อนเลือดที่ท้ายทอย สลายไปหมดแล้ว ชีวิตก็ปกติ ไม่มีปัญหา ตอนไปพบหมอครั้งล่าสุด หมอก็บอกว่าโชคดีมหาศาลที่หายแล้ว เมื่อวานไปตีกอล์ฟได้สบายเลย ตอนนี้สุขใจ สบายใจแล้ว” เมื่อถามว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายชัยเกษม ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เป็นหรอก ถ้าเลี่ยงได้ ก็ให้คนอื่นเขาทำเถอะ ผมทำมาเยอะแล้ว แต่ถ้าจำเป็นก็ได้เพราะไม่มีอะไร แต่อย่าให้จำเป็นเลย คนอื่นก็มีเยอะแยะ […]

แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง

ทำเนียบ 27 มิ.ย.-แม่ทัพภาคที่2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง บอกเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการเอง ยันขอทำหน้าที่ของตนเอง ไม่เคยหวั่นไหว ชี้สถานการณ์ชายแดน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง​ ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธ​ ขอรอกัมพูชาตัดสินใจร่วมวงเจรจา RBC เชื่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จบก่อนเกษียณ พลโทบุญสิน​ พาด​กลาง​ แม่ทัพ​ภาค​ที่​ 2 กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์พาดพิงประเทศไทยได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วหรือไม่ ว่า คงเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ตนก็ติดตามอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและทีมงานที่ต้องไปแก้ไข ส่วนกองทัพก็ดูแลเรื่องของความมั่นคง พื้นที่ตามชายแดนเป็นหลัก​ เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนขณะนี้เป็นเช่นไร​ พลโทบุญสิน​ กล่าวว่า เราก็ตรึงกำลังอยู่ ส่วนทางกัมพูชาก็ยังไม่ได้มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อรอความชัดเจนจากทั้งสองประเทศ แต่อย่างไรก็ต้องยึดตามนโยบายของผู้นำทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน ว่าจะคุยกันอย่างไรต่อ ส่วนทหารก็ต้องทำหน้าที่ของทหารต่อไป คือการควบคุมกำกับดูแลตามแนวชายแดน ให้เป็นปกติดีที่สุด เมื่อถามว่าได้รับสัญญาณบวกจากทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ พลโทบุญสิน​ ระบุว่า ก็ดีมีการพูดคุยกันตลอด มีสัญญาณบวกตั้งแต่การปรับกำลังที่ช่องบก​ อำเภอน้ำยืน​ จังหวัดอุบลราชธานี แต่รอการเจรจาระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซน มีการเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารสูงสุด […]

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย