ปิดหลังคาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C 

กรุงเทพฯ 4 ม.ค.-ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จัดพิธีปิดหลังคา หลังสร้างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C โครงสร้างพื้นฐานแล้วเสร็จ 100% เตรียมเปิดให้หน่วยงานทยอยเข้าใช้พื้นที่ ต้นปี 2567 เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์รอบศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เพิ่มพื้นที่สีเขียวกว่า 41 ไร่


นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เปิดเผยว่า การจัดพิธีปิดหลังคาอาคารโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C แสดงให้เห็นว่า การก่อสร้างอาคารโครงสร้างพื้นฐานเสร็จเรียบร้อยแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงงานด้านสถาปัตยกรรมภายใน งานตกแต่งภายใน และงานครุภัณฑ์ลอยตัวภายในพื้นที่หน่วยงานเท่านั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบพื้นที่ให้หน่วยงานส่วนราชการทยอยเข้าใช้อาคารได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2567

สำหรับหน่วยงานหลักที่ได้รับการจัดสรรพื้นที่สำนักงานภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C มีจำนวน 12 หน่วยงาน ได้แก่ 1. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 2. สำนักงานศาลปกครองสูงสุด 3. กรมสอบสวนคดีพิเศษ 4. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 5. สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า 6. สำนักงานอัยการสูงสุด 7. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 8. กรมการท่องเที่ยว 9. สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 10. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา 11. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และ 12. สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5  โดยหน่วยงานที่ได้ยืนยันแบบผังการใช้พื้นที่และไม่มีการปรับแก้ไขแบบเพิ่มเติม เช่น สำนักงานศาลปกครองสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เป็นต้น สามารถทยอยเข้าใช้พื้นที่ได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2567


สำหรับหน่วยงานที่มีการปรับแก้ไขแบบเพิ่มเติม เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมการท่องเที่ยว เร่งสรุปแบบให้ได้โดยเร็ว คาดว่าสามารถเข้าใช้อาคารได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2567 DAD คิดค่าเช่าจากส่วนรายการ 390 บาท/ตารางเมตร ระยะเวลา 30 ปี พิจารณาปรับราคาเพิ่มทุก 5 ปี ร้อยละ7 

นอกจากนี้ DAD ยังมีแผนการปรับปรุงภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ โดยรอบศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C เพื่อให้บรรยากาศโดยรวมมีความร่มรื่น สดชื่น ผ่อนคลาย เอื้อประโยชน์ทั้งต่อการทำงาน การพักผ่อน การออกกำลังกาย จัดทำลู่วิ่งกลางแจ้ง ระยะ 1,200 เมตร และใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรม ซึ่งเมืองสีเขียวแห่งนี้จะมิใช่เพียงอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการ พนักงาน และผู้ที่มาติดต่อในศูนย์ราชการฯ เท่านั้น แต่จะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อให้บริการชุมชนโดยรอบ รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน   

ปัจจุบันพื้นที่ภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน A โซน B และ โซน C มีจำนวนพื้นที่รวมกว่า 378 ไร่ โดย DAD มีแผนที่จะพัฒนาให้เกิดเป็นพื้นที่สีเขียว ทั้งในระดับพื้นดินและสวนลอยฟ้า รวมกว่า 40 ไร่ หรืออย่างน้อยคิดเป็นร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 5 พื้นที่ ดังนี้ 


1. พื้นที่สีเขียวบริเวณอาคารจอดรถและซ่อมบำรุง (Depot) มีขนาดพื้นที่ 5.05 ไร่ รองรับจอดรถ 1,700 คัน มีการจัดสวนด้วยไม้ยืนต้นผสมไม้พุ่ม และบนชั้นดาดฟ้าของอาคารจะทำเป็นสวน Urban Farming หรือฟาร์มเกษตรสำหรับคนเมือง สำหรับอาคารจอดรถอาคาร A เดิม DAD ได้พัฒนาพื้นที่ในรูปแบบ Welcoming Garden พร้อมลานกิจกรรม เปรียบเสมือนสวนหน้าบ้านที่คอยต้อนรับผู้ที่จะเข้ามาภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ  

2. พื้นที่สีเขียวบริเวณสวนหลังศาลพระพรหม ขนาด 5.75 ไร่ DAD ได้ดำเนินการปรับภูมิทัศน์ทำเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย นอกจากจะใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจหลบร้อนจากร่มเงาของไม้ใหญ่ ยังใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมในสวน อาทิ กิจกรรมประกวดภาพถ่ายภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ งานวันลอยกระทง และงาน Garden Food Truck อีกด้วย 

3. พื้นที่สีเขียวบริเวณเกาะกลางถนน ตั้งแต่ซอยแจ้งวัฒนะ 7 ถึงอาคารรัฐประศาสนภักดี ขนาดพื้นที่เป็นแนวยาวรวม 12.05 ไร่ ซึ่งจะปลูกต้นไม้ใหญ่เรียงยาวเป็นทิวแถวกว่า 1,200 ต้น สร้างความร่มเย็น สดชื่น สบายตาด้วยสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์ตลอดเส้นทาง นอกจากจะเป็นสวนสวยแล้ว ยังตั้งเป้าจะเป็นจุดเช็กอินอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร แลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ 

4. พื้นที่สีเขียวหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี ขนาดพื้นที่ 12.65 ไร่ ซึ่งเชื่อมต่อกับสวนหลังศาลพระพรหม เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะกลายเป็นสวนสาธารณะที่จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ โดยจะอยู่บริเวณประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกของอาคารรัฐประศาสนภักดี และสามารถมองเห็นอาคาร C ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย

และ 5. พื้นที่สีเขียวเชื่อมต่อระหว่างอาคาร B กับอาคาร C ขนาดพื้นที่ 5.10 ไร่ โดยเมื่อศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯโซน C แล้วเสร็จทั้งหมดช่วงปลายปี 2567 ประกอบกับแผนการปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้วเสร็จ โดยไล่เรียงจากสวนสวยหน้าบ้านที่คอยต้อนรับทุกคนจากการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เชื่อมต่อด้วยทิวต้นราชพฤกษ์เหลืองอร่ามร่มเย็นตลอดเส้นทางสู่อาคาร A และอาคาร B ส่งต่อด้วยสวนสาธารณะเขียวชอุ่มสู่อาคาร C ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ยกระดับให้ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ เป็นต้นแบบเมืองสีเขียว ลดและอนุรักษ์การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง แต่ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ เผยหากเหตุการณ์ประทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 ทั้งสองฝ่ายเห็นพร้อมที่จะหยุดยิง […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]