สวทช.ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญาอันดับ 1 ของประเทศ

กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-รัฐบาลชูผลงาน สวทช.ปีงบฯ 64 ยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญา 524 รายการ เป็นอันดับ 1 ของประเทศ-สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจสังคมของประเทศ จากการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์กว่า 7 หมื่นล้านบาท 


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลงานประจำปี 2564 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย สวทช. ได้ดำเนินงานวิจัย พัฒนา ออกแบบและวิศวกรรม และพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อโจทย์ประเทศ โดยมุ่งเน้นเพิ่มการลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากภาครัฐและภาคเอกชน บูรณาการเป็นโจทย์ขนาดใหญ่ร่วมกับเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบจตุภาคี โดยเน้นฐานเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ส่งเสริมDeep-tech Company และ Inclusive Innovation ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร รวมทั้งดึงดูด Talents เพื่อพัฒนาฐานองค์ความรู้ใหม่ ผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สวทช. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) ร่วมกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการเพื่อผลักดันและขับเคลื่อน BCG Model ซึ่งได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 – 2570 และผ่านการเห็นชอบจากครม. เมื่อ 19 มกราคม 2564 ให้การขับเคลื่อน BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งผลการดำเนินงาน ของ สวทช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สวทช. มีบทความตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ 724 เรื่อง ยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญา 524 รายการ เป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์357 รายการ ให้แก่บริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ รวม 333 แห่ง 


นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างผลงานสำคัญเชิงประจักษ์ ได้แก่ การนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญมาช่วยแก้ไขปัญหาและต่อสู้ต่อการระบาดของโรคโควิด 19 ประกอบด้วย

1) การป้องกัน เฝ้าระวัง และการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น ระบบบริการทางการแพทย์ทางไกล (A-MED Telehealth) เพื่อบุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลรักษาผู้ป่วย Home Isolation แบบทางไกล แอปพลิเคชันเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-Care) บริหารจัดการสุขภาพของพนักงานในบริษัท/โรงงานในช่วงสถานการณ์โควิด 19 และวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แบบพ่นจมูก เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองในด้านวัคซีนต่อไปได้ในอนาคต

2) การตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 เช่น ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 (NanovCOVID-19 Antigen Rapid Test)


3) การลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 เช่น รถส่งของบังคับทางไกล “อารี” เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์สู้ภัยโควิด 19 เพื่อใช้ขนส่งสัมภาระ ยา อาหาร ให้แก่ผู้ป่วยโควิด 19 เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ เปลปกป้อง PETE เปลความดันลบห่อหุ้มร่างกายผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยโควิด 19 นวัตกรรมซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสู้วิกฤตไวรัส ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ไม่ระคายเคืองผิวหนัง และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4) การรักษาโรคโควิด 19 เช่น การสังเคราะห์สารตั้งต้นยาฟาวิพิราเวียร์ทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบยาต้านโรคโควิด19 จากต่างประเทศ โดยพัฒนากระบวนการผลิตสารตั้งตันออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมในการผลิตยารักษาโรคโควิด 19 ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยาให้สามารถผลิตยาครบวงจรได้ด้วยตนเอง ทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบยาต้านโรคโควิด19 จากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สวทช. ยังได้นำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG และ AI ในด้านต่าง ๆ ได้แก่

1) ด้านเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food) เช่น ปุ๋ยคีเลตเสริมธาตุอาหารพืชทางใบ ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พริกขี้หนูผลใหญ่เกสรตัวผู้เป็นหมัน ขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ 22 สายพันธุ์ ทำให้เกษตรกรได้ใช้เมล็ดพันธุ์พริกลูกผสมที่มีคุณภาพถ่ายทอดให้บริษัทเอกชนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เป็นต้น

2) ด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Health and Wellness) เช่น เครื่องตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้นอัตโนมัติ (8-Life Check) ติดตามความคืบหน้าสุขภาพประชาชนที่เป็นระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) BodiiRay R (บอดีเรย์อาร์) ระบบเอกซเรย์ดิจิทัลที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เข้ากับการใช้งานในโรงพยาบาลได้ แสดงผลภาพเอกซเรย์ได้ทันทีและปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับน้อยกว่าเครื่องเอกซเรย์แบบเดิม นวัตกรรมแผ่นกรองอากาศต้านรา-แบคทีเรีย อนุภาคนาโนที่เคลือบบนแผ่นกรองอากาศในรถยนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อราได้ แผ่นแปะเข็มขนาดไมโครเมตรเพื่อการนำส่งสารผ่านชั้นผิวหนัง เข็มนำส่งสารออกฤทธิ์เข้าสู่ร่างกายที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 แห่งเดียวในประเทศไทย 

3) ด้านพลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ (Energy, Materials and Biochemicals) เช่น ชุดแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับการใช้งานด้านความมั่นคง แพ็กแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและเครื่องชาร์จ มีประสิทธิภาพความจุสูงกว่าเดิม 3 เท่า ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องชาร์จ ลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ ผ้าเคลือบกราฟีนอัจฉริยะ ผ้าที่มีเทคโนโลยีการเคลือบนาโนคาร์บอน ถ่ายเทความร้อนและควบคุมอุณหภูมิ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียนำมาผลิตเครื่องแบบทางทหารให้แก่กองทัพ เป็นต้น

4) ด้านดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ (Digital and Electronics) เช่น ระบบตรวจหาและวิเคราะห์ข้อมูลอุปกรณ์ชำรุดแบบยืดหยุ่นได้บนคลาวค์คอมพิวติง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำไปใช้ตรวจและวิเคราะห์ข้อมูลอุปกรณ์ชำรุดเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์สูงกว่าวิธีเดิมและใช้ทรัพยากรคำนวณอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ระบบตรวจวัดการสั่นสะเทือนของรถไฟอัจฉริยะแบบฝังตัวบนรถไฟฟ้า บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด นำไปใช้กับรถไฟที่ให้บริการเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่ง เครื่องกรองอากาศแบบไฟฟ้าสถิต ช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศPM2.5 ดักจับฝุ่นละออง และสร้างอากาศบริสุทธิ์รองรับพื้นที่ที่มีปริมาตรขนาดใหญ่แบบที่เครื่องกรองหรือฟอกอากาศทั่วไปไม่สามารถทำได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ สวทช. มีผลงานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการวิจัยของประเทศ (National S&T Infrastructure : NSTI) เพื่อสร้างขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่ประเทศ โดยให้บริการด้านเทคนิค วิชาการ ที่มีมาตรฐานด้วยเครื่องมือทันสมัย และด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของประเทศ (National Quality Infrastructure : NQI) ยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ได้มาตรฐานสากล อาทิศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. ให้บริการวิเคราะห์ทดสอบ สนับสนุนการทำวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอุตสาหกรรมชีวภาพ เป็นศูนย์กลางการพัฒนาและส่งเสริมบริการวิเคราะห์ทดสอบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิเคราะห์ทดสอบชีวเภสัชภัณฑ์ สารสกัดจากสมุนไพรกัญชา กัญชง ด้วยเครื่องมือขั้นสูงและขยายขอบข่ายการทดสอบสมบัติทางกายภาพและสมบัติเกี่ยวกับเส้นใยกัญชงและคอมโพสิต เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 

รวมทั้งการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนากลไกสนับสนุนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนด้านวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมเพิ่มขึ้น อาทิ สร้างธุรกิจสตาร์ทอัพจากผลงานวิจัยและพัฒนาโดยบุคลากร สวทช. นำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งสำเร็จ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทเบรนนิฟิตจำกัด (BrainiFit) บริษัทบิ๊กโก อนาไลติกส์ จำกัด (BICGO) และบริษัท แคนนาบี ไบโอเทค จำกัด ขณะที่ผลงานด้านการพัฒนาและสร้างเสริมบุคลากรวิจัย มีการสร้างบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีศักยภาพให้กับประเทศ ผ่านการสนับสนุนทุนการศึกษาในระดับต่าง ๆ 870 คน รวมทั้งสนับสนุนนักศึกษาและบุคลากรวิจัยทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงานในห้องปฏิบัติการของศูนย์แห่งชาติ 600 คน 

“การดำเนินงานของ สวทช.กับพันธมิตร ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้สร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่เกิดจากการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น 73,692 ล้านบาท รวมทั้งผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคการผลิตและบริการทั้งสิ้น 25,224 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลโดย อว. สวทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนการวิจัยและพัฒนา ให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมคนไทยแห่งศตวรรษที่21 ให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในทุกมิติ” นายอนุชาฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]