เหตุโจมตีทางอากาศขณะมีคอนเสิร์ตในเมียนมา ตาย 50 คน

เนปิดอว์ 25 ต.ค. – กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาและสื่อหลายแห่งรายงานว่า เกิดเหตุโจมตีทางอากาศในระหว่างที่มีคอนเสิร์ตในรัฐคะฉิ่นที่จัดขึ้นโดยชนกลุ่มน้อยในเมียนมาที่มีปัญหาขัดแย้งกับรัฐบาลทหารเมียนมาเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี แผนกภาษาเมียนมา รายงานว่า เกิดเหตุโจมตีทางอากาศที่งานคอนเสิร์ตในรัฐคะฉิ่น ทางตอนเหนือของเมียนมา ที่จัดโดยกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่น หรือ เคไอเอ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ ทำให้มีพลเรือน นักร้อง และเจ้าหน้าที่ของกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่น เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน ขณะที่เว็บไซต์ข่าวอิรวดีของเมียนมาร์รายงานว่ามียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวทั้งหมดราว 100 คน อย่างไรก็ดี โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมายังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวที่เกิดขึ้นในทันที และสถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนมาก็ไม่ได้รายงานข่าวนี้เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ โฆษกของกองกำลังอิสรภาพคะฉิ่นระบุว่า เหตุดังกล่าวมุ่งเป้าโจมตีงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 62 ปีของการจัดตั้งองค์กรอิสรภาพคะฉิ่น หรือ เคไอโอ โดยมองว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประจำเมียนมา กล่าวว่า ยูเอ็นรู้สึกวิตกกังวลและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ทั้งยังระบุว่า การใช้กองกำลังรักษาความปลอดภัยโจมตีพลเรือนที่ไม่มีอาวุธเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ในขณะเดียวกัน หัวหน้าทูตของประเทศต่าง ๆ ในเมียนมา เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพยุโรป […]

จีนลบโพสต์ในสื่อโซเชียลข่าวเด็กตายที่สถานกักโรคโควิด

ปักกิ่ง 21 ต.ค. – จีนลบโพสต์และคลิปวิดีโอในสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีเด็กหญิงวัยรุ่นชาวจีนเสียชีวิตในสถานกักตัวโรคโควิด-19 หลังเหตุดังกล่าวทำให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจและตั้งข้อสงสัยต่อนโยบายทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน หน่วยงานด้านเซ็นเซอร์ของจีนได้ลบโพสต์และคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีเด็กหญิงชาวจีน วัย 14 ปี เสียชีวิตที่สถานกักโรคโควิด-19 ในเขตหรู่โจวของมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ที่เผยแพร่ในโลกอินเทอร์เน็ตของจีนเกือบทั้งหมดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงแฮชแท็กในเวย์ปั๋ว แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีนแบบเดียวกันกับทวิตเตอร์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหญิงจากเขตหรู่โจวและเด็กหญิงจากเขตหรู่โจวที่เสียชีวิตในสถานกักโรคโควิด ทั้งนี้ แฮชแท็กที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหญิงจากเขตหรู่โจวมีผู้เข้าชมกว่า 255,000 ครั้งและมีโพสต์รวมทั้งหมด 158 โพสต์นับถึงช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนถูกหน่วยงานเซ็นเซอร์ของจีนลบทิ้งจนเหลือเพียง 4 โพสต์ และถูกปิดกั้นการเข้าถึงโพสต์ดังกล่าวทั้งหมดในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้ โพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดียของจีนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ต่างพากันพูดถึงกรณีที่มีเด็กหญิง วัย 14 ปี เสียชีวิตที่สถานกักโรคโควิดในเขตหรู่โจวของมณฑลเหอหนาน เนื่องจากมีอาการล้มป่วยหนักขึ้นในสถานกักโรคโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านโต่วอิน หรือติ๊กต๊อกที่ใช้เฉพาะในจีน เผยให้เด็กภาพเด็กคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงในสถานกักโรคและมีอาการชักท่ามกลางเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้างที่อยู่ในเหตุการณ์ บุคคลไม่เผยนามที่อ้างตัวว่าเป็นป้าของเด็กหญิงคนดังกล่าวระบุในอีกคลิปวิดีโอว่า ตอนแรกหลานสาวของเธอมีอาการปกติดี แต่มีไข้สูงหลังจากที่เข้าไปอยู่ในสถานกักโรคได้ 4 วัน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งยังระบุว่า หลานสาวมีอาการชักรุนแรง อาเจียน มีไข้สูง แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานกักโรคทั้งที่มีอาการเข้าขั้นวิกฤต อย่างไรก็ดี สำนักงานท้องถิ่นและหน่วยงานควบคุมโรคโควิดของเขตหรู่โจวยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ จีนถือเป็นประเทศขนาดใหญ่ของโลกเพียงประเทศเดียวที่ยังคงยึดมั่นในนโยบายทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์อย่างเคร่งครัด แม้มีรายงานพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลกก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

อินเดียทำลายวัคซีนโควิดหมดอายุ 100 ล้านโดส

นิวเดลี 21 ต.ค. – สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่าสถาบันฯ จำเป็นต้องทำลายทิ้งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นเอง หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โควิชิลด์ จำนวน 100 ล้านโดส เนื่องจากวัคซีนเหล่านี้หมดอายุในเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายอดาร์ พูนาวัลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สถาบันฯ มีวัคซีนโควิชิลด์อยู่ในสตอกราว 100 ล้านโดส และวัคซีนเหล่านี้ซึ่งมีอายุ 9 เดือน หมดอายุในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยสถาบันฯ ได้หยุดผลิตวัคซีนโควิชิลด์ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน เนื่องจากประชาชนมีความต้องการฉีดวัคซีนโควิดลดลง ทั้งยังระบุว่าสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียจะหันไปผลิตวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา เพื่อนำมาใช้ในประเทศแทน ทั้งนี้ มีประชาชนอินเดียกว่าร้อยละ 90 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิชิลด์ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียระบุว่า มีชาวอินเดียกว่า 2,000 ล้านคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ในจำนวนนี้มีประชาชนกว่าร้อยละ 70 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 โดส ทางการอินเดียได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า และประชาชนอายุตั้งแต่ 60 ปี ที่มีโรคประจำตัว ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มผู้ใหญ่ […]

ยูเครนกล่าวหารัสเซียวางแผนทำลายเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ

เคียฟ 21 ต.ค. – ยูเครนกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังวางแผนทำลายเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในพื้นที่ทางตะวันออกของแคว้นเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน ในขณะที่ทหารยูเครนยังคงเดินหน้าปฏิบัติการรุกคืบอย่างต่อเนื่องจนทำให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียต้องเริ่มอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวกับบรรดาผู้นำของสหภาพยุโรป หรืออียู ในการประชุมสภาอียูผ่านระบบวิดีโอคอลเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กองทัพรัสเซียได้วางระเบิดเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่เมืองคาคอฟกา ทางตะวันออกของแคว้นเคอร์ซอน โดยมีเจตนาให้เขื่อนแตกและทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่จากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เป็นอันตรายต่อประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำดนิโปร ทั้งยังระบุว่า การใช้กลยุทธ์ตัดน้ำของรัสเซียในพื้นที่ตอนใต้ของยูเครนอาจส่งผลกระทบต่อระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป และอาจทำให้คลองไครเมียนเหนือได้รับความเสียหายเช่นกัน ในขณะเดียวกัน นายมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า ขณะนี้ กองทัพรัสเซียตั้งเป้าขัดขวางปฏิบัติการรุกคืบของยูเครนในแคว้นเคอร์ซอนและปกป้องทหารรัสเซีย ทั้งนี้ หลายเมืองของยูเครนเริ่มเข้าสู่มาตรการจำกัดการใช้ไฟฟ้าก่อนถึงฤดูหนาวตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของยูเครนระบุว่าเครือข่ายพลังงานของยูเครนกำลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพออกนอกประเทศระลอกใหม่อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

“มาเลเซียแอร์ไลน์” ลดค่าตั๋วเครื่องบินกระตุ้นคนไปเลือกตั้ง

กัวลาลัมเปอร์ 21 ต.ค. – มาเลเซียแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติของมาเลเซีย ประกาศลดค่าตั๋วเครื่องบินร้อยละ 20 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวมาเลเซียที่ต้องเดินทางไปเลือกตั้งในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ มาเลเซียแอร์ไลน์ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า สายการบินฯ ได้เปิดตัวแคมเปญลดค่าตั๋วเครื่องบินร้อยละ 20 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวมาเลเซียที่ต้องเดินทางไปเลือกตั้งในวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยจะเปิดให้ประชาชนจองตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.-19 พ.ย. และสามารถเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 11-27 พ.ย. แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่ามาเลเซียแอร์ไลน์จะเพิ่มเที่ยวบิน 26 เที่ยว และนำเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งเป็นอากาศยานลำตัวกว้าง มาปฏิบัติการบินในประเทศเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายเส้นทาง เช่น พื้นที่คาบสมุทรมาเลเซีย รัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัก ในขณะเดียวกัน ดาตุ๊ก เสรี ดร. วี กา ซีออง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย กล่าวว่า คณะกรรมาธิการด้านการบินของมาเลเซีย (Mavcom) จะติดตามเฝ้าระวังเรื่องราคาตั๋วโดยสารเครื่องบิน เพื่อให้มั่นใจว่าสายการบินต่างๆ ไม่ได้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาค่าโดยสารจากการประกาศเลือกตั้ง ทั้งยังระบุว่าคณะกรรมาธิการดังกล่าวมีสิทธิใช้อำนาจแทรกแซงราคาตั๋วเครื่องบินได้ในกรณีที่สายการบินขึ้นราคาตั๋วอย่างไม่สมเหตุสมผล ก่อนหน้านี้ชาวมาเลเซียจำนวนมากได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับราคาตั๋วเครื่องบินที่พุ่งสูงขึ้น หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งของมาเลเซียประกาศจัดการเลือกตั้งในวันที่ 19 พ.ย.-สำนักข่าวไทย

แพทย์สหรัฐตรวจเจอคอนแทคเลนส์ 23 ชิ้นในตาข้างเดียว

จักษุแพทย์ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐระบุว่า มีคนไข้สูงวัยรายหนึ่งมารักษาที่คลินิกด้วยอาการมองไม่ชัด แต่กลับตรวจพบคอนแทคเลนส์แบบใช้แล้วทิ้งมากถึง 23 ชิ้นซ้อนทับกันเหมือนแพนเค้กอยู่ในตาข้างเดียวของเธอ

ทวิตเตอร์เผยยังไม่มีแผนปลดพนักงานตามที่สื่อรายงาน

ทวิตเตอร์ ประกาศแจ้งให้พนักงานทราบว่า บริษัทไม่มีแผนปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากตามที่สื่อในสหรัฐรายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา กำลังพิจารณาปลดพนักงานของทวิตเตอร์ หลังจากที่ทวิตเตอร์ได้ลงนามในข้อตกลงขายกิจการให้มัสก์

ส.ส. อังกฤษอยากให้ “บอริส จอห์นสัน” เป็นนายกฯ อีกครั้ง

ลอนดอน 21 ต.ค. – สถานการณ์ทางการเมืองของอังกฤษยังคงร้อนแรง เนื่องจากมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่เป็น ส.ส. พรรครัฐบาลออกมาจุดกระแสให้นายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง หลังนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกเมื่อวันพฤหัสบดีทั้งที่เข้ารับตำแหน่งได้เพียง 45 วัน สมาชิกจำนวนหนึ่งของพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอังกฤษ ได้พยายามทำให้แฮชแท็ก ‘บริงบอริสแบ็ค’ (#BringBorisBack) กลายเป็นกระแสไวรัลในสื่อออนไลน์เมื่อวันพฤหัสบดี หลังนายกรัฐมนตรีทรัสส์ประกาศลาออกจากตำแหน่งได้เพียงไม่นาน นายเบรนดัน คลาร์ก-สมิท ส.ส. จากพรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ของอังกฤษว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษจะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ลงคะแนนและสมาชิกพรรคอนุรักษนิยม ต้องเป็นบุคคลที่สามารถเป็นผู้ชนะได้อย่างแท้จริง และนายจอห์นสันคือบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ อย่างไรก็ดี นายโรเจอร์ เกล ส.ส. จากพรรคอนุรักษนิยมอีกราย ให้ความเห็นแย้งว่า พรรคไม่ควรให้นายจอห์นสันลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้ เนื่องจากนายจอห์นสันกำลังถูกรัฐสภาอังกฤษสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวจากกรณีที่นายจอห์นสันอนุญาตให้มีการจัดเลี้ยงสังสรรค์ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ จนทำให้เขาต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกกดดันอย่างหนัก ดังนั้น พรรคจึงไม่ควรเปิดโอกาสให้นายจอห์นสันกลับเข้าร่วมรัฐบาลจนกว่ากระบวนการสอบสวนดังกล่าวสิ้นสุดลง ในขณะเดียวกัน นายเคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ กล่าวกับบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ว่า นายจอห์นสันไม่เหมาะที่จะกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง เนื่องจากมีแต่จะทำให้ประชาชนอังกฤษยิ่งไม่พอใจมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่อังกฤษต้องเผชิญกับปัญหาวุ่นวายทางการเมืองและความเสียหายทางเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย

ยีราฟในแอฟริกาใต้เหยียบทารกอายุ 16 เดือน เสียชีวิต

เกิดเหตุยีราฟเหยียบเด็กทารกอายุ 16 เดือน เสียชีวิตในพื้นที่ทางตะวันออกของแอฟริกาใต้ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากยีราฟมักไม่ทำร้ายมนุษย์

ไฟไหม้มัสยิดในอินโดนีเซียจนโดมพังถล่ม

ไฟไหม้โดมขนาดใหญ่ของมัสยิด ‘จามี’ (Jami) ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ตาในอินโดนีเซีย จนทำให้โดมพังถล่มลงมาเมื่อวันพุธ โดยที่โดมดังกล่าวอยู่ในระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์

สิงคโปร์จะฉีดวัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์ให้ประชาชนวงกว้างปีหน้า

สิงคโปร์ 20 ต.ค. – สิงคโปร์จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบ 2 สายพันธุ์เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนอายุ 18-49 ปีในปีหน้า ในขณะที่ชาวสิงคโปร์อายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้แล้วในขณะนี้ นายออง ยี คัง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาสิงคโปร์วันนี้ว่า ชาวสิงคโปร์อายุ 18-49 ปีจะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ในปีหน้า หลังจากที่สิงคโปร์ได้รับการส่งมอบวัคซีนดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่ชาวสิงคโปร์อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดและมีอาการป่วยรุนแรง สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้แล้วในตอนนี้ สิงคโปร์ได้เปิดให้ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์ของโมเดอร์นา หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘สไปก์แวกซ์’ (Spikevax) ซึ่งมีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์โอไมครอน ได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม และคาดว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์ของไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘โคเมอร์เนตี’ (Comirnaty) ภายในสิ้นปีนี้ ขณะนี้ สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.03 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,650 คน.-สำนักข่าวไทย

เมืองหลวงอินเดียปรับเงิน-จำคุกคนจุดประทัดไฟหวังคุมมลพิษ

กรุงนิวเดลีของอินเดียประกาศลงโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน ต่อผู้ที่จุดประทัดไฟ-ดอกไม้ไฟในช่วงเทศกาลดิวาลี (Diwali) ในขณะที่เมืองหลวงของอินเดียกำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศรุนแรง

1 32 33 34 35 36 315