ทำเนียบ 8 พ.ย.-นายกฯ พอใจความก้าวหน้าการดำเนินงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้เหตุการณ์ความไม่สงบลดลง ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและสังคม
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการรับฟังการแถลงผลงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปี 2565 โดยมี พล.ร.ต. สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรี รับฟังผลงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติ กพต. ระยะที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการมีความคืบหน้าและดีขึ้นโดยลำดับ ได้แก่ การช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ที่ดินและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย – มาเลเซีย (9 ด่าน) เพื่อยกระดับการค้าชายแดนและการขับเคลื่อนสภาสันติสุขตำบล จังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านชุมชนและตำบล จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาชน หมู่บ้านและตำบลตามโครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผ่านกลไก “สภาสันติสุขตำบล” เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นไปตามปัญหาความจำเป็นและความต้องการของประชาชน รวมทั้งโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปี 2565 ประกอบด้วย 1.กรอบการบูรณาการขับเคลื่อนขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้แนวคิดจัดข้าราชการรับผิดชอบครัวเรือนยากจน 2. โครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3. โครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบเบตง จังหวัดยะลา “Amazean Jungle Trail” และ 4. ดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไตรมาสที่ 3 (เดือนกรกฎาคม – กันยายน) ปี พ.ศ. 2564 โดยภาพรวมในไตรมาส 3 ดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.87 เป็นผลจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นด้านสังคมที่ปรับตัวดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ กพต. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างเข้มแข็งตลอดระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลปัจจุบัน ในการบรรเทาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ดีขึ้น ตลอดจนการวางรากฐานการพัฒนาที่เชื่อมโยงทุกมิติไปพร้อมกัน พร้อมแสดงความพอใจต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ดีขึ้นโดยลำดับ สถานการณ์ความรุนแรงลดลง ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในพื้นที่ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่ายและประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยย้ำความห่วงใยถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนระมัดระวังดูแลป้องกันตนเองให้ปลอดภัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่และดูแลประชาชน พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนงาน โครงการ แผนคน และแผนงบประมาณ ให้ประสานสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้การขับเคลื่อนการทำงานมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมตรี ยังให้ข้อเสนอแนะทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางการบริหารจัดการระบบการอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุนและการบริการในพื้นที่ ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยให้ ศอ.บต. เป็นศูนย์กลางการประสานงานและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน รวมทั้งให้ กพต. ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายรัฐบาล ให้เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยโครงการการยกระดับการพัฒนาพื้นที่ผ่านจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น เมืองปศุสัตว์, เมืองปูทะเลโลก, เมืองแห่งผลไม้ เมืองแห่งพืชพลังงาน และ ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สำเร็จได้ในปี 2565 นี้ และให้ ศอ.บต. บูรณาการทำงานให้ประชาชนมีความกินดี อยู่ดี อีกทั้งการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องดำเนินการให้ดีที่สุด รวมไปถึงการส่งเสริมการจัดกีฬาระดับโลก การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากโลกอาหรับและผู้นับถือศาสนาอิสลามจากประเทศต่างๆ
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำการจัดสรรทรัพยากรที่ดินทำกินให้กับประชาชน ต้องบูรณาการงานทั้งการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสร้างความสมดุล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แนวคิด “1 ข้าราชการ รับผิดชอบ 1 ครัวเรือนยากจน”
นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นถึงความสำเร็จในแก้ไขปัญหาทั้ง 5 มิติ ทั้งความยากจน การศึกษา สาธารณสุข ที่อยู่อาศัยและการเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยเน้นทำให้ครบทั้ง 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จะทำให้ได้ใจ จัดระบบสวัสดิการตามสิทธิทางกฎหมายให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายโดยเร็ว ระยะที่ 2 ได้ภาคีพวกพ้อง สามารถบูรณาการทำงานทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง เกิดระบบการส่งต่อซึ่งกันและกันอย่างเป็นเอกภาพ และระยะที่ 3 ได้นโยบายและหลักการทำงานเฉพาะพื้นที่ โดยเฉพาะการจัดทำข้อเสนอเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการเฉพาะเพื่อป้องกันมิให้เกิดการผลักดันนโยบายจากส่วนกลางที่ไม่เหมาะสมไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญการขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่องและอัตราการพัฒนาทางเศรษฐกิจจะต้องสูงขึ้นในทุกด้าน ตลอดจนการส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาเชิงพื้นที่ต้องให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของพี่น้องประชาชน และเชื่อมโยงการพัฒนาทุกห่วงโซ่คุณค่าให้เป็นหนึ่งเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย