ทำเนียบรัฐบาล 1 พ.ย.- นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานดูแลความเรียบร้อยเปิดเทอมวันแรก ขณะที่ สธ.ติดตามการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กวัย 5-11 ปี เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกในการเปิดภาคเรียนตามมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยวันนี้ (1 พ.ย.) เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนหรือสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศในรูปแบบ On-Site หรือผสมระหว่างรูปแบบ On-Site กับรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ รายงานว่า มีโรงเรียนสังกัด สพฐ. แจ้งเปิด 12,000 แห่ง จากทั้งหมด 35,000 แห่ง และจะมีการทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อมของจังหวัดและสถานศึกษา โดยทางกระทรวงฯ ไม่เน้นว่าจะต้องเปิดเรียนได้จำนวนกี่แห่ง แต่ให้ความสำคัญกับความพร้อมตามมาตรการความปลอดภัยเป็นหลัก คือ การปฏิบัติตาม 7 มาตรการเข้มเปิดโรงเรียน ไป-กลับ คือ 1) ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop COVID Plus (TSC)+ และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID 2) จัดกิจกรรมรูปแบบ Small Bubble 3) จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4) ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด คุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ 5) จัด School Isolation แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อม 6) ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และรถสาธารณะ และ 7) จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) ได้แก่ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด ทำความสะอาด รวมถึงข้อกำหนด 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) ประกอบด้วย ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง
น.ส.รัชดา กล่าวถึงข้อมูลการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปว่า ล่าสุดมีผู้ประสงค์ฉีดวัคซีน จำนวน 3.8 ล้านคน ฉีดวัคซีนแล้ว 2.8 ล้านคน แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 2.43 ล้านคน และเข็มที่ 2 จำนวน 3.88 แสนคน ตามลำดับ ขณะเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้องค์การอาหารและยา (อย.) แจ้งบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ให้ทำการขึ้นทะเบียนวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเร่งด่วน หลังจากที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐ อนุมัติให้ไฟเซอร์เป็นวัคซีนสำหรับฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งอาจจะเริ่มฉีดกลุ่มเด็กดังกล่าวที่สหรัฐ ซึ่งระหว่างรอการขึ้นทะเบียนของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามข้อมูลอาการข้างเคียงและประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กวัย 5-11 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ไปพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัยที่สุดของเด็กไทย.-สำนักข่าวไทย