ทำเนียบรัฐบาล 26 ต.ค.-นายกฯ เข้าร่วมการประชุมอาเซียน-จีน ครั้งที่ 24 ย้ำสันติภาพที่ยั่งยืน ก้าวสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 24 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำและผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน และนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า จีนพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากขึ้น มุ่งมั่นทำงานร่วมกับอาเซียนรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมุ่งสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนมากขึ้น จีนพร้อมสนับสนุนอาเซียนในการแก้ปัญหาตามแนวทาง ASEAN WAY รวมทั้งต้องการแลกเปลี่ยนความเห็นและความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้นด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีในโอกาสครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการบรรลุเป้าหมายการขจัดความยากจนและการสร้างสังคมกินดีอยู่ดีที่อยู่บนพื้นฐานของการกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง ไทยสนับสนุนการพัฒนาของจีนในฐานะมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ และมุ่งหวังให้จีนมีบทบาทนำในความร่วมมือกับนานาประเทศ รวมทั้งอาเซียนและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน
นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวทางกระชับความสัมพันธ์อาเซียน-จีน เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งอนาคตร่วมกัน ประการแรก ความมั่นคงทางสุขภาพ เพื่อรับมือกับโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์การผลิตและกระจายวัคซีนในอาเซียน ตลอดจนเตรียมความพร้อมทางสาธารณสุขให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อลดอัตราความสูญเสียและสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประการที่สอง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อการฟื้นฟูที่ยั่งยืนและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจลำดับที่หนึ่งของอาเซียน และในวันนี้ได้มีการรับรองเอกสารยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะดำเนินการตามกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน ไทยพร้อมร่วมมือในการยกระดับ FTA อาเซียน-จีน และเร่งดำเนินการในส่วนของไทยในการให้สัตยาบันความตกลง RCEP เพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว พร้อมทั้งสนับสนุนการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่า ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของ MSMEs, start-ups และผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ นอกจากนี้ อาเซียน-จีน ควรสานต่อความเชื่อมโยงตามแถลงการณ์ว่าด้วยการสอดประสานระหว่างแผนแม่บท MPAC 2025 กับข้อริเริ่ม BRI รวมทั้งร่วมกันกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศที่ปลอดภัย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการเดินทางของประชาชน
ประการที่สาม การพัฒนาที่ยั่งยืน ไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานของอาเซียนในเรื่องนี้ มุ่งมั่นและพร้อมที่จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในปีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนอาเซียน-จีน พ.ศ. 2564 – 2565 ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือตามโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ซึ่งจะเป็นแนวทางสู่การฟื้นฟูและการเติบโตอย่างครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการรักษาสันติภาพที่ยั่งยืน เพื่อนำอาเซียนและจีนก้าวสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ไทยไม่ประสงค์จะเห็นความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าระหว่างมิตรประเทศ และสนับสนุนให้หารือเพื่อหาทางออกร่วมกันในประเด็นทะเลจีนใต้ โดยไทยพร้อมผลักดันความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย อาทิ การปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินการตามกลไกอาเซียน-จีนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเจรจาจัดทำ COC ที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศให้สำเร็จ และหวังว่าจะได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ไทยในการประชุมเอเปคปี 2565 ด้วย.-สำนักข่าวไทย