17 ก.ค.-หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) จับไอซ์เตรียมส่งอิสราเอล ลุยเข้มงวดส่งพัสดุในประเทศและต่างประเทศ
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผย วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน หรือ Airport Interdictoin Task Force (AITF) ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. ศุลกากร บช.ปส. และ ศรภ. ตรวจยึด ไอซ์ 1,034 กรัม ซุกซ่อนในกระติกเก็บความเย็นขนาดเล็ก 3 ใบ ณ ศูนย์ไปรษณีย์ขาออก สุวรรณภูมิ ส่งมาจากจังหวัดเชียงราย เตรียมส่งออกไปปลายทางประเทศอิสราเอล ผลการตรวจสอบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมฟาตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,034 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในผนังกระติกน้ำแข็งขนาดเล็ก เก็บความเย็น จำนวน 3 กล่อง กล่องที่ 1 น้ำหนัก 342 กรัม กล่องที่ 2 น้ำหนัก 350 กรัม กล่องที่ 3 น้ำหนัก 342 กรัม จึงร่วมกันทำการตรวจยึด และรวบรวมพยานหลักฐาน และจะนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนขยายผลผู้ส่งยาเสพติดต่อไป
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การส่งออกยาเสพติดไปยังอิสราเอล จะถูกส่งไปยังกลุ่มแรงงานไทย ในอิสราเอล ซึ่งมีการแพร่ระบาดของการใช้ โดยที่ผ่านมาการส่งมี 2 รูปแบบ คือ แบบแรกโดยซุกซ่อนอำพรางไปกับแรงงานซึ่งเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล และแบบที่สอง คือ การซุกซ่อนอำพรางกับสิ่งของและส่งผ่านพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การตรวจสอบพัสดุที่จะส่งไปยังต่างประเทศ รวมถึงในประเทศ ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษทั้งระบบ เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีโอกาสถูกใช้สูง เหตุจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่การเดินทางต่างๆ ทำได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ข้อกำหนดการส่งพัสดุทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (กรณีเป็นชาวต่างประเทศ) ทุกครั้งก่อนการฝากส่งสิ่งของทางพัสดุทุกประเภท เพื่อให้สามารถตรวจสอบไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฝากส่งสิ่งของผิดกฎหมายได้ทันที จึงขอฝากถึงบริษัทขนส่งพัสดุให้เข้มงวดตรงจุดนี้ด้วย .-สำนักข่าวไทย