กรุงเทพฯ 6 พ.ค.-ส.ส.ประชาธิปัตย์เสนอรัฐปรับแอปพลิเคชันโควิด-19 เหลือแอปฯ เดียว แต่เพิ่มศักยภาพการทำงานให้ครอบคลุม ฝากข้าราชการปรับตัวตามเทคโนโลยี ลดขั้นตอนเอกสาร ยึดประโยชน์ประชาชน
นายกนก วงศ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 หลังประชาชนมีข้อร้องเรียนถึงการดำเนินมาตรการต่าง ๆของรัฐ โดยเฉพาะปัญหาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งมีหลายแอปฯ ที่มีปัญหาเกิดขึ้นจริง เนื่องจากประชาชนยังเกิดความสับสน ซึ่งตามหลักการบริหารงานในช่วงสถานการณ์วิกฤติ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีน่าจะมีความเข้าใจคือเรื่องของ Single Command โดยเรื่องแอปพลิเคชันนั้น มองว่าควรจะมีแอปพลิเคชันเดียว แต่ต้องมีประสิทธิภาพทั้งการรองรับประชาชนจำนวนมาก การเข้าถึง การใช้งานง่าย สะดวก ต้องเชื่อมโยงและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่สับสน และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข
“วันนี้สถานการณ์โควิค19 จะดีขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ปัจจัยสำคัญคือขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนภายในประเทศ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลวางไว้เชื่อว่าในปี 2565 สถานการณ์ในประเทศน่าจะดีขึ้นตามลำดับ แต่วันนี้ยังไม่มีใครพูดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าการฉีดวัคซีนวันละ 4 แสนโดสในประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 จะเกิดขึ้นได้จริง อันนี้คือปัญหาใหญ่” นายกนก กล่าว
นายกนก กล่าวว่า จะทำอย่างไรให้การบริหารจัดการเรื่องการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อีกหนึ่งเรื่องซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีและเป็นการสร้างความเข้มแข็งทางสังคม คือจิตสำนึกในการป้องกันตนเองของคนไทยนั้นมีสูง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายตระหนักถึงความเข้มงวดด้านมาตรการสาธารณสุขและการมีวินัยในการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์วิกฤติขณะนี้ เชื่อว่าประชาชนจะปรับตัวได้ตามสถานการณ์และข้อมูลที่รัฐบาลได้ชี้แจง แต่หากขาดการสื่อสารที่ชัดเจน จะยิ่งสร้างความไม่ไว้ใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมากขึ้น
นายกนก กล่าวฝากถึงการปรับตัวของทั้งประชาชนและผู้ประกอบในสถานการณ์ขณะนี้ โดยยกตัวอย่างภาคการเกษตรที่ต้องปรับใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีส่วนช่วยมากขึ้น โดยต้องไม่ลืมพื้นฐานเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีความสำคัญต่อสังคมไทยในชนบท และจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือและสร้างความมั่นคงในชีวิต ขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับวิธีการทำธุรกิจใหม่ อาทิ การลดต้นทุนสินค้า การสร้างแบรนด์สินค้าให้ตรงกับตลาด โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิดระบาด และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลต้องมีนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพราะถือเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ขอให้นึกถึงประชาชนโดยทำธุรกิจอย่างเป็นธรรมต่อผู้บริโภค หากทุกภาคส่วนดำเนินการได้ ตามข้อเสนอแนะ เชื่อว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้
นายกนก กล่าวฝากถึงภาคราชการ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมและบังคับใช้กฎระเบียบต่าง ๆ ว่า ต้องยอมรับว่าอาจต้องปรับแก้ให้สอดรับกับสถานการณ์และเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าจะมียุทธศาสตร์เรื่องการปรับระบบราชการให้สอดรับกับ เทคโนโลยี แต่ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของความคิดและทัศนคติของข้าราชการ ยกตัวอย่างกรณีการใช้สำเนาบัตรประชาชน ซึ่งหัวใจสำคัญในการแก้ไขคือต้องให้ส่วนราชการยึดประโยชน์ ของประชาชนเป็นหลักมากกว่าความสะดวกของตนเอง.-สำนักข่าวไทย