กรุงเทพฯ 11 ก.ย..-กสศ.- ภาคเอกชน เปิดตัวแคมเปญ ‘มื้อนี้พี่เลี้ยง’
ระดมความร่วมมือบรรเทาภาวะขาดสารอาหารของนักเรียนยากจนพิเศษหลังโควิด-19 ชี้นักเรียนยากจนพิเศษกว่าแสนคนมีภาวะขาดสารอาหาร แพทย์หวั่นกระทบทั้งพัฒนาการและการเรียนรู้ระยะยาว
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ.ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนชั้นนำ เปิดตัวแคมเปญ “มื้อนี้พี่เลี้ยง” หนึ่งในโครงการระดมความร่วมมือพัฒนาระบบอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษ เพื่อเร่งแก้วิกฤตขาดสารอาหารให้กับเด็กนักเรียนยากจนพิเศษราว 1 แสนคน สาเหตุจากความยากจนและผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 เป็นปัญหาสะสมจากความขาดแคลนของครอบครัว ภาวะความเร่งรีบ ที่ทำให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาเตรียมอาหารที่มีโภชนาการที่ดีให้เด็ก และขาดความรู้ด้านโภชนาการ
“กสศ.ได้ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือระบบ iSEE ติดตามอัตราการเจริญเติบโตของนักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้นประถมศึกษา–มัธยมศึกษาตอนต้น ที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข พบว่า มีนักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะขาดสารอาหาร ราวหนึ่งแสนคน โดยเป็นนักเรียนที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์อายุ (ผอม) จำนวน 46,053 คน และน้ำหนักค่อนข้างน้อยจำนวน 54,108 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนในระดับประถมศึกษา ราว 73% ” นายสุภกร กล่าว
นายสุภกร กล่าวว่า นักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะขาดสารอาหาร พบมากในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ นราธิวาส นครราชสีมา เชียงใหม่ บุรีรัมย์ และขอนแก่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความยากไร้ ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการของครอบครัว และความเร่งรีบประกอบอาชีพส่งผลให้ผู้ปกครองไม่สามารถจัดสรรอาหารเช้าที่มีคุณค่าให้กับเด็กๆ ได้ ทำให้กระทบต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสติปัญญา ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลง ภารกิจของกสศ. คือการเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และความมั่นคงทางอาหารคือหนึ่งในเสาหลักสำคัญของการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาด้วย กสศ.ยังได้ประสานข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดและหาแนวทางช่วยเหลืออย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้จัดการกสศ. กล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญมื้อนี้พี่เลี้ยง เป็นหนึ่งในโครงการระดมความร่วมมือพัฒนาระบบอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษของกสศ.ซึ่งมีทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามาร่วมสนับสนุน ทั้งในรูปแบบแพลตฟอร์มการรณรงค์รับบริจาคออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรในรูปของเงินบริจาคและอาหาร ให้แก่กลุ่มโรงเรียนที่มีนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษ 100% ซึ่งจากระบบ isee รายงานว่ามีอยู่ราว 500 โรง จะมุ่งไปยังโรงเรียนที่มีนักเรียนภาวะขาดสารอาหารจำนวนมาก เพื่อให้เด็กๆได้รับประทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าตามโภชนาการตลอดปีการศึกษา 2563 เบื้องต้นจะส่งความช่วยเหลือไปยังนักเรียน 1,000 คนแรกที่อยู่ในภาวะวิกฤตก่อนขยายผลต่อเนื่อง
รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า แม้เด็กไทยจะมีภาวะโภชนาการพร่องลดน้อยลง แต่ยังพบเด็กน้ำหนักน้อยและเตี้ยในเด็กยากจนด้อยโอกาสหลายแสนคน หากไม่ทำอะไรจะเป็นเด็กมีปัญหาไม่มีคุณภาพ อาจเรียนไม่จบ สังคมและชุมชนต้องมีส่วนเข้าไปช่วยเหลือ
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม จาก แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยพันธกิจของแกร็บ คือการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม รวมถึงเด็กและเยาวชน จึงร่วมมือกับ กสศ. ผ่านร้านอาหารเสมือนจริง ภายใต้ชื่อ “ทุพโภชนา” บนแพลตฟอร์ม GrabFood โดยผู้ใช้บริการแกร็บสามารถมีส่วนร่วมในการส่งต่อมื้ออาหารที่อุดมคุณค่าทางโภชนาการให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษ ด้วยการสั่งเมนูอาหาร ทุพโภชนา จำนวนเงินค่าอาหารจะถูกรวบรวมเพื่อมอบเป็นทุนให้แก่น้อง ผ่านการบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2563 นี้ เป็นระยะเวลา 2 เดือน
นายฐิติภูมิ วงศ์เกียรติขจร จาก บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด กล่าวว่า ขอเป็นแบรนด์หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการทำความดีครั้งนี้ ด้วยเมนูพิเศษThe Empty Plate Project แนวคิด “เปลี่ยนมื้ออดให้เป็นมื้ออิ่ม” คุณสามารถ “สั่งทางนี้ อิ่มทางโน้น” เงินค่าอาหารที่สั่งจะถูกส่งไปสมทบโครงการมื้ออาหารเช้าสำหรับเด็ก โดยเมนูพิเศษจะมาพร้อมกับคำบรรยายที่เล่าเรื่องราวถึงความน่ากิน อร่อย และมีความสำคัญต่อเด็กอย่างไรในเชิงโภชนาการ
นายธนาวุฑ เอื้อละพันธ์ จากเครือบริษัทแสงทองสหฟาร์มและ อัครา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แคมเปญ “อัครา อาสาปันอิ่มปันยิ้มให้สังคม” เกิดขึ้นจากความตั้งใจจะแบ่งปัน และส่งมอบความช่วยเหลือให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลนอาหาร โดยทุกๆครั้ง ที่มีการซื้อสินค้าไข่ไก่อัครา1 แพ็ค ทางอัคราจะบริจาคไข่ไก่ให้ 2 ฟอง เพื่อส่งให้กับน้องๆที่ขาดแคลนอาหาร ผ่านทาง กสศ. ภายใต้แคมเปญ “มื้อนี้พี่เลี้ยง”ร่วมส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
สพ.ญ.วิลาสินี ฤทธิวิกรม กล่าวว่า Ceva Animal Health เล็งเห็นความสำคัญของโครงการนี้ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจที่ทางบริษัทต้องการสนับสนุน คือการช่วยเหลือเด็กๆที่มีความขาดแคลน มีภาวะทุพโภชนาการและมีปัญหายากจน จึงยินดีร่วมสนับสนุนไข่ไก่เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารของน้องๆ ให้มีโภชนาการที่ดียิ่งขึ้น .-สำนักข่าวไทย