ศธ. 6 พ.ค. รมว.ศธ. มอบนโยบายให้ สพฐ.-กสศ.เร่งลดผลกระทบโภชนาการอาหารในช่วงเลื่อนเปิดเทอม จัดถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนในช่วงเลื่อนเปิดเทอม ด้านนักโภชนาการ แนะอาหาร 4 ชนิดสำคัญในถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดี
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรายงานสถานการณ์นักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบจากการเลื่อนเปิดภาคเรียนเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยรมว.ศธ.ได้สั่งการให้ ร่วมมือกันลดผลกระทบให้กับนักเรียนกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน เบื้องต้น กสศ.จะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติม ให้กับนักเรียนทุนเสมอภาคที่ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขต่อเนื่องจากปีการศึกษา 2562 และมีรายชื่อการรับเงินอุดหนุน ภาคเรียนที่ 2/2562 ระดับประถมศึกษา 1– 6 จำนวน 500,000 คน ในอัตรา 600 บาทต่อคน โดยกสศ.จะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมนี้ให้แก่โรงเรียนภายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 และขอให้สถานศึกษาดำเนินการจัดสรรให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
นายอำนาจ กล่าวว่า สพฐ. ขอให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต สร้างความเข้าใจแนวทางและกระบวนการดำเนินงานแก่โรงเรียนในสังกัด โดยเฉพาะวิธีการใช้จ่าย “เงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคเพิ่มเติม” เพื่อให้เงินช่วยเหลือจาก กสศ.ครั้งนี้ ไปถึงเด็กนักเรียนที่กำลังเดือดร้อนได้เร็วและเกิดประโยชน์มากที่สุด เป้าหมายสำคัญให้เด็กได้ทานอาหารตามภาวะโภชนาการที่ดี ทั้งนี้โรงเรียนสามารถเลือกวิธีบริหารจัดการให้สอดคล้องตามความต้องการของนักเรียน และคำนึงถึงสถานการณ์ บริบทในพื้นที่ โดยดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ 1. โรงเรียนจัดหาข้าวสารอาหารแห้งที่จำเป็นหรืออาหารที่มีประโยชน์และจัดสรรให้กลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง 2. โรงเรียนจ่ายเงินสดหรือโอนผ่านธนาคารไปยังกลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนในการจัดหาอาหาร หรือเป็นค่าครองชีพ
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า ภายใต้งบประมาณที่จำกัดจะมุ่งไปที่นักเรียนชั้นป.1–ป.6 เนื่องจาก ผลการวิเคราะห์ข้อมูลน้ำหนัก/ส่วนสูงจากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ iSEE ของกสศ.โดยอ้างอิงข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษจำนวน 720,946 คน พบว่า นักเรียนเหล่านี้มีปัญหาทางภาวะโภชนาการรุนแรงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระดับมัธยมต้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในอนาคตอย่างถาวรได้ โดยมีนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการที่ควรได้รับการช่วยเหลือในระดับชั้นประถมประมาณ 29,991 คน ซึ่งจะอยู่ในจำนวน 500,000 คนที่จะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย
กสศ.ยังได้เชิญ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการอาวุโส ร่วมจัดทำรายการข้าวสารอาหารแห้งที่เป็นประโยชน์และมีโภชนาการที่ดีสำหรับเด็กเพื่อแนะนำให้โรงเรียนจัดหาให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค ภายใต้งบประมาณ 600 บาทต่อคนใน 30 วันเรียน เรียกว่าเป็นถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนในช่วงการเลื่อนเปิดเทอม ซึ่งประกอบด้วย ข้าวสาร 20 กิโลกรัม ไข่ไก่ 36 ฟอง ปลากระป๋อง 10 ประป๋อง น้ำมันพืช 1 ขวด นอกจากนี้ กสศ.ประสานกับภาคธุรกิจเอกชนจำหน่ายข้าวสารอาหารแห้งในราคาเท่าทุนหรือต่ำกว่าต้นทุนให้แก่โรงเรียน สำหรับประชาชนหรือภาคส่วนต่างๆสามารถร่วมบริจาคสมทบเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนพิเศษในช่วงเลื่อนเปิดเทอม และใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า ได้ที่ https://donate.eef.or.th/main-donate หรือธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี กสศ.มาตรา 6(6) – เงินบริจาค เลขที่บัญชี 1720300216สอบถามรายละเอียดได้ที่ กสศ. โทร. 02- 079-5475
ด้านอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการชื่อดัง กล่าวว่า ความเดือดร้อนของนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนอาหาร ถือเป็นวิกฤตในวิกฤต กระทบเด็กมากกว่า 7 แสนคน ที่ต้องกินอาหารที่บ้านซึ่งไม่สามารถแบกรับภาระตรงนี้ พ่อแม่ให้อาหารลูกไม่ถูกหลักโภชนาการ กินไม่อิ่ม หรือต้องอดมื้อกินมื้อ แม้เพียงแค่ 2-3 เดือน ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะเด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการอยู่แล้ว จะยิ่งส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย ที่สำคัญเซลล์สมองเด็กจะเติบโตช้า เสี่ยงสูงต่อไอคิวต่ำ เรียนไม่เก่ง สอบตกซ้ำชั้น ส่งผลกระทบระยะยาวไปถึงอนาคตเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำ ทั้งนี้ได้ร่วมกับ กสศ. จัดทำคู่มือแนะนำผู้ปกครองเพื่อวางแผนจัดการเงินอุดหนุน 600 บาท ให้ถูกแปลงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในการเตรียมอาหารช่วงระหว่างปิดเทอม สำหรับอาหารที่แนะนำในงบประมาณ 600 บาท ต่อคน ใน 30 วันนั้น เน้นอาหารหลักๆที่จำเป็นต่อเด็กและเก็บรักษาไว้ได้นานไม่เน่าเสียเร็ว ขอวิงวอนพ่อแม่ให้หาผักผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นนำมาปรุงและประกอบอาหารให้ลูกได้กินทุกมื้อ เพื่อให้ได้กินอาหารครบ 5 หมู่.-สำนักข่าวไทย