ทำเนียบรัฐบาล 26 เม.ย. –ปลัดสาธารณสุข-ผอ.สำนักงบยืนยันมีงบรองรับ บรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการไว้แล้ว ย้ำไม่กระทบงบบัตรทอง
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันชี้แจงกรณีประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะตัดงบประมาณจำนวนหนึ่งของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง นำไปเป็นค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ที่บรรจุใหม่ โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญกับบุคคลากรทางการแพทย์ และคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้บรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการจำนวนหลายหมื่นอัตรา รวมถึงมีความห่วงใยสุขภาพของประชาชน
“เพื่อป้องกันความสับสนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ให้กระทบกับประชาชนที่ได้รับสิทธิบัตรทอง นายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงบประมาณและกระทรวงสาธารสุขหารือกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีแหล่งเงินเตรียมพร้อมสำหรับการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการ ดังนั้น ผู้มีสิทธิในบัตรทองจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และยังได้รับสิทธิในการรักษาดูแลเช่นเดิม นี่คือสี่งที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ” โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาเรื่องบรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการประมาณ 4 หมื่นคน และเมื่อรับการบรรจุเข้ามาแล้วจะมีค่าใช้จ่ายตามมา ซึ่งวิธีปฏิบัติไม่สามารถโอนงบประมาณที่เป็นค่าจ้างพนักงานมาเป็นเงินเดือนของข้าราชการได้ทันที แต่ต้องโอนเป็นงบกลางก่อน จึงจะจัดสรรมาเป็นงบประมาณสำหรับข้าราชการบรรจุใหม่ได้
ส่วนนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากมติของ ครม.ให้บรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการ เพราะเล็งเห็นว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 แพทย์ พยาบาลต้องปฏิบัติงานอย่างหนัก และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้วในตำแหน่งพนักงานราชการและลูกจ้าง และแต่ละปีกระทรวงสาธารณสุขมีแหล่งรายได้สำคัญจากงบประมาณ งบเงินเดือน ที่สำคัญคืองบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) งบจากกรมบัญชีกลาง สิทธิข้าราชการ และงบจากผู้ป่วยที่บริจาคให้กระทรวงสาธารณสุข
“ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีข้าราชการจำนวน 2 แสนคน อีก 2 แสนคนเป็นลูกจ้าง ซึ่งแต่ละปีจะกำหนดเงินเดือนและมีงบประมาณจากแหล่งที่มาข้างต้นเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือน เรียกว่าเงินนอกงบประมาณ และเมื่อครม.มีมติให้บรรจุข้าราชการแบบเจาะจงจากคนที่เป็นลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว ดังนั้น แหล่งที่มาของเงินเดือนจากนอกงบประมาณจะต้องเปลี่ยนมาเป็นงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งได้เตรียมเงินเดือนที่เป็นเงินบำรุง” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นพ.สุขุม กล่าวว่า การบรรจุข้าราชการครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องตัดงบประมาณของบัตรทองจำนวน 2,400 ล้านบาทมาใช้ เนื่องจากสำนักงบประมาณเตรียมงบประมาณไว้รองรับแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นงบของกรมบัญชีกลางที่จ่ายเป็นสวัสดิการของข้าราชการ ประกันสังคม และเงินบริจาคเพื่อบำรุงโรงพยาบาล สำหรับงบในส่วนบริจาคให้โรงพยาบาลส่ วนหนึ่งจะเป็นเงินที่ให้ลูกจ้างของโรงพยาบาล รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ค่าเครื่องมือ คุรุภัณฑ์ที่มีความจำเป็น และเป็นเงินก้อนเดียวกัน ส่วนงบของบัตรทอง จ่ายเงินตามปกติที่ใช้บำรุงโรงพยาบาล
“งบบัตรทอง 1 หมื่นล้านบาทที่ใช้ส่งเสริมการป้องกันโรค แบ่งเป็น 5 หมื่นล้านบาทดูแลผู้ป่วยนอก และอีก 5 หมื่นล้านบาทดูแลผู้ป่วยใน ซึ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19ระบาด งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาทอาจไม่เพียงพอ ครม.จึงอนุมัติงบเพิ่ม 3 พันล้านบาทให้สปสช. เพื่อใช้ตรวจหาผู้ติดเชื้อและดูแลผู้ป่วย ยืนยันว่าการดูแลคนไข้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และการรักษาผู้ป่วยจะดีขึ้น ขอย้ำว่างบประมาณไม่ได้น้อยลง แต่ในทางกลับกันนายกรัฐมนตรีด้ไเพิ่มงบกลางเพื่อดูแลงานด้านสาธารณสุขเพิ่มเติมด้วย” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว .-สำนักข่าวไทย