กทม.2 ก.ย.- ตำรวจ ปอศ.ยันมีหลักฐานเอาผิด”บอย AF3”หลังใช้ข้อมูลบัตรเครดิตชาวยุโรป จองห้องพักโรงแรมดังใน จ.อุดรฯ ผ่านระบบคีย์อิน แม้เจ้าตัวให้การภาคเสธ
พันตำรวจโทเพชรชุมพร ศรีวะรมย์ รองผู้กำกับการ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ( รอง ผกก.ก.5 บก.ปอศ.) เปิดเผยว่า ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเอาผิด”บอยAF3” โดยเป็นคำให้การซัดทอดของกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของ, ผู้จัดการ และผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมโลตัส คอนโดเทล จ.อุดรธานี รวมทั้งข้อพิรุธที่”บอยAF3” ขอเงินคืนร้อยละ 60 หรือ 240,000 บาท จากยอดเงินที่”บอยAF3”ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่โจรกรรมมาจากเจ้าของข้อมูลบัตรเครดิตชาวยุโรป 3 คน ทำรายการ 3 ครั้ง ผ่านระบบคีย์อิน ที่ไม่ต้องใช้บัตรจริงในการทำรายการ โดยใช้ข้อมูลหน้าและหลังบัตรเครดิตเท่านั้น รวมเป็นเงินกว่า 400,000 บาท ทำให้มั่นใจว่าหลักฐาน 2 ส่วนนี้ สามารถเอาผิด ”บอยAF3”ได้ แม้เจ้าตัวจะให้ภาคเสธ โดยยอมรับว่า มาทำรายการจองห้องพักและซื้อโปรแกรมที่โรงแรมดังกล่าวจริง แต่ไม่ทราบว่า ข้อมูลในบัตรที่ใช้ในการทำรายการเป็นข้อมูลที่ถูกโจกรรมมา อ้างว่าเป็นแค่นายหน้าที่เพื่อนซึ่งเป็น หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์ใน สปป.ลาว จ้างให้ดำเนินการ โดยเงินร้อยละ 60 หรือประมาณ 240,000 บาท ตนเก็บไว้เพียง 30,000-4 0,000 บาท ที่เหลือส่งให้เพื่อนซึ่งเป็นหัวหน้าทัวร์ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน หลังธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเจ้าของเครื่องรูดบัตร ที่นำมาติดตั้งที่โรงแรมที่เกิดเหตุ เข้าแจ้งความว่าไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากเจ้าของบัตรตัวจริงได้ ธนาคารพาณิชย์จึงติดต่อกลับไปที่โรงแรมเพื่อขอเงินคืน ทางโรงแรมกลับให้ข้อมูลผู้ใช้บัตรเครดิตมาจองห้องพักว่าคือ ”บอยAF3”และเพื่อน พนักงานสอบสวนจึงตรวจสอบข้อเท็จจริงและเส้นทางการเงิน จนมั่นใจว่าเป็นผู้กระทำผิด จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 และจับกุมตัวได้วานนี้(1 ก.ย.) ขณะบวชเป็นพระอยู่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จึงแสดงหมายจับ เพื่อสึกจากความเป็นพระมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาอีก 2 กลุ่มที่มีพฤติการณ์กระทำผิดลักษณะเดียวกับ”บอยAF3” กลุ่มแรกเป็นคนไทย 3 คน เป็นนายหน้าติดต่อจองห้องพักผ่านระบบคีย์อิน ที่โรงแรมดังกล่าว จำนวน 135 ครั้ง สร้างความเสียหายให้ธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องรูดบัตรเป็นมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 เป็นชาวไต้หวัน 2 คนและคนจีน 1 คน ซึ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองพัทยาและตำรวจท่องเที่ยว จับกุมได้พร้อมของกลางบัตรเครดิตปลอมและข้อมูลบัตรเครดิตที่โจรกรรมาจำนวนมาก เชื่อว่า”บอยAF3”กับอีก 2 กลุ่มไม่มีความเชื่อมโยงกัน แต่รูปแบบการกระทำผิดและการก่อเหตุที่โรงแรมเดียวกัน และคนในโรงแรมมีส่วนเกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวนจึงขอศาลออกหมายจับเจ้าของ ผู้จัดการ และผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย