สำนักงานกกต. 31 พ.ค.- 4 อดีตผู้สมัคร ส.ส.ร้องกกต. ถอดถอน “นิคม บุญวิเศษ” หัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และยุบพรรคพลังปวงชนไทย เหตุเบี้ยวเงินสนับสนุนหาเสียง แฉส่งผู้สมัครสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน มีหุ้นสื่อเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ พฤติกรรมแสวงหากำไร สัญญาว่าจะให้ เป็นเจ้าของสื่อ จึงน่าจะขาดคุณสมบัติ ส.ส.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง 4 อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังปวงชนไทย ประกอบด้วย นายสุบัน สุวรรณรัตน์ พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ พวงแก้ว นายสุทัศน์ สัตย์แสง และนายชัยพร ชัยฤทธิ์ ในฐานะเป็นตัวแทนอดีตผู้สมัคร 269 คน ยื่นขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบพรรคพลังปวงชนไทย และถอดถอนการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรค หลังหลอกลวงและจูงใจให้ลงสมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค โดยสัญญาจะให้เงินสนับสนุนเขตละ 2 ล้านบาท
หากมีเสียงตอบรับดีจะได้รับเงินเพิ่มอีก จึงทำให้ไปเร่งหาสมาชิกพรรคและจัดตั้งสาขาพรรค ด้วยการสำรองค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงิน อีกทั้งยังถูกขับออกจากพรรค รวมถึงถูกฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท ดังนั้นเห็นว่านายนิคม ไม่เหมาะสมที่จะเป็น ส.ส. ในฐานะตัวแทนของประชาชน เพราะเริ่มต้นก็มีพฤติกรรมบิดเบี้ยว ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมั่นใจในหลักฐานที่ยื่นต่อ กกต.ว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคได้
นางสาวจีรนันท์ จันทวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 เชียงราย เปิดเผยว่า นอกจากตนเป็นเป็นผู้สมัครแล้ว ยังเป็นผู้จัดหาสมาชิกพรรคมาลงสมัครด้วย เนื่องจากเชื่อถือ เพราะมีชื่อพล.อ.ชัยสิทธ์ ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เชื่อใจเพราะรักตระกูลชินวัตร แต่กลับถูกบางฝ่ายนำมาหลอกให้ประชาชนได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยกรรมการบริหารพรรคบางคนเรียกรับเงินค่าหัวคิว จำนวน 50,000 บาท เพื่อแลกกับสิทธิกับการเป็นผู้สมัคร และเมื่อไม่สามารถลงสมัครได้ ก็ไม่ยอมคืนเงินให้ นายนิคมมีพฤติกรรมแสงหากำไร สัญญาว่าจะให้ เป็นเจ้าของสื่อ จึงขอให้ กกต.ถอดถอนนายนิคม และยุบพรรค
นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ตนมีหน้าที่จัดหาสมาชิกพรรคมาเป็นผู้สมัคร โดยบางคนสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.ป. ส.ส.และตนขอแจ้งว่าขณะนี้ได้เขียนใบลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว
ขณะที่นายสุทัศน์ สัตย์แสง ผู้สมัครส.ส. เขต 4 จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า นายนิยมอ้างว่ามีบริษัทที่จะสนับสนุนทางการเงินพรรค 4 พันแห่ง ซึ่งจะของบบริษัทละ 1 ล้านบาท เพื่อเป็นงบหาเสียง พร้อมอ้างว่าสนิทสนมกับนายทักษิณ ชินวัตร และมีอาชีพขายทองคำ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อทวงถามกลับบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่าย ตนเห็นว่านายนิคมเข้าข่ายมีความผิดเช่นเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ NB.TV ขึ้นภายในสำนักงานใหญ่ของพรรค และบริษัทบุญวิเศษ คอปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด โดยนายนิคมเป็นเป็นประธาน และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชน จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่านายนิคม เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อหรือผู้ถือหุ้นสื่อหรือไม่
พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ พวงแก้ว กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรค หาสมาชิกพรรค และค่าใช้จ่ายหาเสียง เมื่อไปทวงถาม กลับถูกขับออกจากพรรค เพราะอ้างว่าทำให้พรรคเสียหาย การมายื่น กกต.วันนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งการขับออกจากพรรค นายนิคมไม่นึกถึงวันที่ขับรถไปเชิญตนเองเข้าร่วมงานถึงจังหวัดนครพนม
“นายนิคม เป็นคนที่มีวุฒิภาวะไม่เพียงพอกับการเป็นหัวหน้าพรรค ต้องกลับไปตั้งสติใหม่ และไม่มีความเหมาะสมจะเป็น ส.ส. แค่ปัญหาสมาชิกพรรคก็ดูแลไม่ได้ จะไปบริหารประเทศและดูแลประชาชนได้อย่างไร บุคคลเหล่านี้หาสมาชิกพรรคให้ แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ แต่คะแนนเขตทั้งหมด ไปรวมให้นายนิคม ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อเพียงหนึ่งเดียว ไม่อายปากหรอที่ไปเชิญ ทั้งที่ดิฉันไม่เคยสนใจจะเล่นการเมือง แต่นายนิคมไปเชิญถึงบ้านที่นครพนม หากปฎิเสธก็หาว่าแล้งน้ำใจ” พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ กล่าว.-สำนักข่าวไทย