ราชบพิธ 16 พ.ค. – ม.หอการค้าไทยระบุเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาลง คาดจีดีพีปีนี้โต 3.3-3.7% ปัจจัยบวกจากรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงการปรับประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาลง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 3.3-3.7% โดยจีดีพี เมื่อปี 2561 อยู่ที่ 4.1%
ทั้งนี้ จีดีพีในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุดเริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัว โดยการเปลี่ยนแปลงสำคัญในช่วงไตรมาส 4/2561 ต่อเนื่องมาถึง 4 เดือนแรกของปี 2562 คือ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเริ่มชะลอตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นมา ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณเริ่มดีขึ้นไตรมาส 2/2562 แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของการเบิกจ่าย การส่งออกสินค้าหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง การผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหดตัวตามภาวะการส่งออก การนำเข้าสินค้าหดตัวตามภาวะการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและภาคการท่องเที่ยวยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 เป็นต้นมา
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 ว่าจะมีปัจจัยบวกมาจากการมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศและมีรัฐสภาในระบบ 2 สภาตามแบบสากล ภาคการส่งออกมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวเป็นบวก การท่องเที่ยวเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมา การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐมีโอกาสเร่งตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน การลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นและธนาคารกลางทั่วโลกชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนปัจจัยลบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 คือ สงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มยืดเยื้อกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เศรษฐกิจจีนประสบปัญหาชะลอตัวกว่าที่คาด ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวน ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ หนี้เสียของสถาบันการเงินและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การมีรัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีใหม่ที่ได้รับการยอมรับจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น เพราะจะได้รับการยอมรับในวงกว้าง.-สำนักข่าวไทย