หนองคาย 15 เม.ย.- วัยรุ่นเที่ยวสงกรานต์หนองคายวิวาทกลางงานคอนเสิร์ต ทหารเข้าห้ามถูกแทงด้วยขวดปากฉลามเสียชีวิต ตำรวจก็เจ็บ ล่าสุดรวบได้แล้วถึง 10 คน ตามหลักฐานชัด เจ้าตัวยอมรับเมาขาดสติ
เมื่อเวลา 10.00 น. (15 เม.ย.) ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย แถลงจับกุมนายนพดล ศิริ อายุ 25 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ และฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุวิวาทภายในศูนย์การค้าย่านถนนศูนย์ราชการ อ.เมือง ขณะนั้น จ.ส.ต.สาธิต หลาบคำ ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย อยู่ในชุดนอกเครื่องแบบพยายามเข้าห้ามปรามในขั้นแรก แต่ไม่เป็นผลและยังได้รับบาดเจ็บ จึงขอกำลังตำรวจทหารเข้ามาเสริมเมื่อยุติเหตุวัยรุ่น 2 กลุ่มทะเลาะวิวาท ปรากฏว่าพลทหารพลนิกร ยศมาร อายุ 22 ปี ทหารสังกัด ป.13 พัน 3 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดหนองคาย อยู่ในชุดทหารได้เข้าระงับเหตุและถูกวัยรุ่นคนหนึ่งใช้ขวดเบียร์ปากฉลามแทงเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลหนองคาย แต่เสียเลือดมากและเสียชีวิตเวลาต่อมา นอกจากนี้ ด.ต.ประเสริฐ รอดชมพู ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองหนองคาย ยังถูกของมีคมบาดนิ้วและบาดเจ็บดั้งจมูก ส่วนวัยรุ่นก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและคลิปจากผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายไว้ พบหลักฐานชัดเจนนายนพดล ถือขวดปากฉลามแทงพลทหารพลนิกร จึงได้ติดตามจับกุมนายนพดลและพวกได้ทั้งหมดประมาณ 10 คน มาสอบปากคำ
การสอบสวนนายนพดล ช่วงแรกปฏิเสธ แต่สุดท้ายจำนนด้วยหลักฐาน และรับสารภาพว่ากลับมาเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ที่หนองคาย และได้ฉลองดื่มสุรากับเพื่อนตั้งแต่กลางวัน จากนั้นก็มาเที่ยวคอนเสิร์ตที่่ย่านศูนย์การค้าดังกล่าวประมาณ 7 คน แล้วเพื่อนก็เกิดเขม่นกับวัยรุ่นอีกกลุ่ม ประกอบกับตัวเองมึนเมาอยู่และอยากช่วยเพื่อน จึงนำขวดไปทุบเป็นปากฉลาม และก่อเหตุไปโดยไม่รู้ว่าทำร้ายใครบ้าง เพราะเมามาก มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องขังแล้ว ยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่ทำไป และอยากขอขมากับครอบครัวผู้เสียชีวิต
พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวว่า ช่วงเทศกาลได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประสานหน่วยงานข้างเคียงดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนนักท่องเที่ยว กรณีที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และเป็นผู้รักษาความเรียบร้อย เมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดทุกคนต้องหยุด จะได้ไม่มีเหตุการณ์บานปลาย หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาสำนึกผิด ทางตำรวจจะไม่คัดค้านการประกันตัว และได้ส่งผู้ต้องหาไปศาลจังหวัดหนองคายต่อไป ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นถูกดำเนินคดีในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่.-สำนักข่าวไทย