กรุงเทพฯ 27 ส.ค.-การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาททยอยแข็งค่ากลับมาในระดับแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือนอีกครั้ง แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้รับแรงหนุนเป็นระยะในระหว่างสัปดาห์ จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในระยะที่เหลือของปี โดยค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นท่ามกลางปัจจัยบวกจากกระแสเงินทุนไหลเข้า ในระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้น 4.4 พันล้านบาท และพันธบัตรไทย 1.4 พันล้านบาทตามลำดับ ประกอบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ได้ขยับแข็งค่าขึ้น ก่อนถ้อยแถลงของนางเยลเลนประธานเฟดในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับในวันศุกร์ (26 ส.ค.) ค่าเงินบาทปิด 34.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับราคา 34.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดี (19 ส.ค. สำหรับสัปดาห์หน้า (29 ส.ค.-2 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท 34.50-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตาสถานการณ์ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกหลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและเครื่องชี้ตลาดแรงงานอื่นๆ ในเดือนส.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทยด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,549.41 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.69 จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงร้อยละ 15.98 จากสัปดาห์ก่อนมีมูลค่า 53,366.39 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 580.67 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.29 จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนถ้อยแถลงประธานเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงของสหรัฐฯ ก่อนปรับเพิ่มขึ้นในวันพุธตามแรงซื้อสุทธิของต่างชาติเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ แต่แรงขายทำกำไร และการขึ้น XD ของหุ้นหลายตัว กดดันให้ดัชนีปรับลดลงในวันพฤหัสบดี ก่อนฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ หลังจากได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันโลก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย
สำหรับสัปดาห์หน้า (29 ส.ค.- 2 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ระดับ 1,535 และ 1,520 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ในระดับ 1,558 และ 1,575 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญต้องติดตาม คงได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือนของไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เครื่องชี้ภาคการผลิต (ISM Manufacturing) คำสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ คงได้แก่ ดัชนี PMI ของ จีน และ ญี่ปุ่น.-สำนักข่าวไทย
