ฮานอย 27 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวนฟุกของเวียดนามระบุว่า จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ครั้งที่สองระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประสบความสำเร็จ และว่าประวัติศาสตร์ของเวียดนามจะเป็นบทเรียนให้แก่ผู้นำทั้งสอง
นายกรัฐมนตรีเหวียนให้สัมภาษณ์พิเศษสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า เวียดนามไม่ได้หวังแค่เป็นเจ้าภาพซัมมิตเท่านั้น แต่อยากเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการมีสันติภาพ ปรองดอง และเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ การเคยเป็นประเทศที่พังเสียหายเพราะสงครามคือแรงกระตุ้นให้เวียดนามอยากเป็นเจ้าภาพซัมมิตครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่จะนำไปสู่ความปรองดองและการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี เวียดนามตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของสันติภาพและความปรองดอง การอุทิศตนเพื่อสันติภาพจึงเป็นความรับผิดชอบของทุกประเทศในยุคนี้
นายกรัฐมนตรีเหวียน วัย 64 ปี ซึ่งเติบโตในยุคสงครามเวียดนาม มีคนในครอบครัวล้มตายในสงครามกับสหรัฐที่กินเวลานานเกือบ 20 ปีก่อนสิ้นสุดในปี 2518 พูดถึงเรื่องนี้ว่า ชาวเวียดนามไม่เคยลืมอดีตหรือประวัติศาสตร์ แต่ไม่ควรจมอยู่กับอดีตจนลืมมองไปยังอนาคต ทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อสร้างประเทศอย่างสันติและแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน ชาวเวียดนามหลายล้านคนสละชีพในสงครามต่อต้านเพื่อปกป้องประเทศ เอกราช และเสรีภาพ เวียดนามจึงให้คุณค่ากับสันติภาพที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพเอกราชและอธิปไตยซึ่งกันและกัน
ส่วนเรื่องที่สตรีเวียดนามเป็นหนึ่งในสองผู้ต้องหาฆาตกรรมนายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือที่มาเลเซียเมื่อ 2 ปีก่อน ผู้นำเวียดนามออกตัวว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย เวียดนามเป็นห่วงสิทธิของพลเรือนตนเอง แต่ทั้งสองประเทศจะหารือเรื่องนี้ในภายหลัง ไม่ใช่เวลานี้.- สำนักข่าวไทย